Walking around Thailand,Nature-lovers trip,Information about tourism, สถานที่ท่องเที่ยวทั่วไทย,เที่ยวแบบคนรักธรรมชาติ,ข้อมูลต่างๆเกี่ยวกับการท่องเที่ยว,ท่องเที่ยว, ทัวร์, travel, travel guide, travel tips, travel packages, travel information, travel agency

28 กรกฎาคม, 2552

ไปเที่ยวโคราชกันเถอะ!!




เขาใหญ่

ความสมบูรณ์ของผืนป่าดิบ ทำให้เขาใหญ่มีอากาศเย็นสบายแม้ในฤดูร้อน โดยมีอุณหภูมิเฉลี่ยตลอดปีประมาณ 23 องศาเซลเซียส ฤดูหนาวราวเดือนตุลาคมถึงกุมภาพันธ์เป็นช่วงที่นักท่องเที่ยวนิยมไปเขาใหญ่มากที่สุด ส่วนในช่วงฤดูฝน สภาพธรรมชาติบนเขาใหญ่ชุ่มช่ำ ป่าไม้และทุ่งหญ้าเขียวขจีสดใส น้ำตกทุกแห่งไหลแรงเสียงดังก้องป่าให้ชีวิตชีวาแก่ผู้ไปเยือนแม้การเดินทางจะค่อนข้างลำบาก แต่จำนวนนักท่องเที่ยวก็ไม่ได้ลดน้อยลงไปเลย ป่าเขาใหญ่มีไม้มีค่าและพืชสมุนไพรนานาชนิดที่สมควรได้รับการดูแลอนุรักษ์ไว้ พันธุ์ไม้ที่น่าสนใจ เช่น ไทร ซึ่งได้รับสมญานามว่า “นักบุญแห่งป่า นักฆ่าแห่งพงไพร” ผลของไทรเป็นอาหารให้สัตว์ป่าหลายชนิดรวมทั้งนกเงือก แต่ในขณะเดียวกันไทรก็เป็นต้นไม้ที่ต้องอิงอาศัยต้นไม้อื่นในการเจริญเติบโต จึงไปแย่งน้ำและอาหารทำให้ต้นไม้นั้นค่อยๆ ตายไปในที่สุด เตยน้ำ เป็นไม้เลื้อยที่มีกลิ่นคล้ายตะไคร้ภายในมีท่อลำเลียงน้ำขนาดใหญ่สามารถนำมาดื่มได้ สุรามริด ใช้ดองเหล้าแก้ปวดหลังปวดเอว กะเพราต้น เป็นไม้ใหญ่ยืนต้น แก้เจ็บท้องขับลม เงาะป่า ผลมีขนแข็งสีเหลืองแต่รับประทานไม่ได้ และ กฤษณา ไม้ซึ่งสามารถสกัดเปลือกไปทำเครื่องหอมได้ เป็นต้น


สัตว์ป่าที่สามารถพบเห็นบ่อยได้แก่ เก้ง กวาง ตามทุ่งหญ้า นอกจากนี้ยังอาจพบช้างป่า หมีควาย หมูป่า ชะนี เม่น พญากระรอก หมาใน ชะมด อีเห็น กระต่ายป่า รวมทั้งเสือโคร่ง กระทิงและเลียงผาซึ่งก็มีถิ่นอาศัยอยู่ที่เขาใหญ่เช่นกัน อุทยานฯ ได้สร้างหอสูงสำหรับส่องดูสัตว์อยู่สองจุด คือ บริเวณมอสิงโตและหนองผักชี อนุญาตให้ขึ้นไประหว่างเวลา 8.00-18.00 น. บริเวณที่ตั้งหอดูสัตว์เป็นทุ่งหญ้าซึ่งเจ้าหน้าที่อุทยานฯ จะเผาทุกปีเพื่อให้เกิดหญ้าอ่อน หรือหญ้าระบัดขึ้นสำหรับเป็นอาหารสัตว์ และยังมีโป่งดินเค็มที่เป็นแหล่งเกลือแร่ของสัตว์ต่าง ๆ อยู่ด้วย นักท่องเที่ยวที่ต้องการนั่งรถส่องสัตว์ในเวลากลางคืนสามารถติดต่อที่ทำการอุทยานฯ ก่อนเวลา 18.00 น.


เขาใหญ่ยังเหมาะเป็นที่ดูนกและผีเสื้อ จากการสำรวจ พบนกจำนวนไม่น้อยกว่า 293 ชนิด และมีอยู่ 200 ชนิด ที่พบว่าอาศัยป่าเขาใหญ่เป็นแหล่งอาหารและที่อยู่อาศัยอย่างถาวร นกที่น่าสนใจได้แก่ นกเงือกซึ่งถือเป็นตัวบ่งชี้ว่าป่านั้นยังคงความอุดมสมบูรณ์ ที่พบบนเขาใหญ่มีอยู่ 4 ชนิด นอกจากนั้นยังมีนกที่พบเห็นได้บ่อย ได้แก่ นกขุนทอง นกขุนแผน นกพญาไฟ นกแต้วแล้ว นกโพระดก นกแซงแซว นกเขา นกกระปูด ไก่ฟ้า และนกกินแมลงชนิดต่างๆ ส่วนแมลงที่สวยงามและพบเห็นมากคือ ผีเสื้อซึ่งมีอยู่ประมาณ 5,000 ชนิด


การเดินป่าศึกษาธรรมชาติ มีเส้นทางให้เลือกกว่า 20 เส้นทาง ที่ต่างกันทั้งความงามของธรรมชาติ และระยะทาง ระยะเวลาที่ใช้ในการเดินป่า ซึ่งมีตั้งแต่ 1-2 ชั่วโมง เช่น เส้นทางศึกษาธรรมชาติกองแก้ว เส้นทาง กม.33 (ถนนธนะรัชต์-หนองผักชี) หรือที่ต้องเข้าไปพักค้างแรมในป่า เช่น เส้นทางน้ำตกนางรอง-เขาใหญ่ เส้นทางเขาสมอปูน หรือเส้นทางหน่วยฯ ขย.4-น้ำตกวังเหว เป็นต้น โดยสามารถติดต่อขอรายละเอียดและเจ้าหน้าที่นำทางได้ที่ ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว


สถานที่น่าสนใจ ในเขตอุทยาน น้ำตกกองแก้ว เป็นน้ำตกเตี้ย ๆ ที่เกิดจากห้วยลำตะคองซึ่งเป็นแนวแบ่งเขตจังหวัดนครนายก และนครราชสีมา ในฤดูฝนดูสวยงามมาก เหมาะแก่การเล่นน้ำ สามารถเข้าถึงได้โดยการเดินเท้าจากศูนย์บริการนักท่องเที่ยวประมาณ 100 เมตร มีสะพานเชือกทอดข้ามลำน้ำให้บรรยากาศการพักผ่อนที่กลมกลืนและบริเวณใกล้ๆ ยังมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติเส้นสั้นๆ


น้ำตกผากล้วยไม้ เป็นน้ำตกขนาดกลางในห้วยลำตะคองเช่นเดียวกัน ห่างจากที่ทำการฯประมาณ 7 กิโลเมตร สามารถเข้าถึงโดยทางรถยนต์และทางเดินเท้า บริเวณน้ำตกมีกล้วยไม้หวายแดงขึ้นอยู่ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของน้ำตกแห่งนี้และเป็นน้ำตกที่สายน้ำสองสายไหลผ่านชั้น หินทีละชั้นมาบรรจบกันจากน้ำตกผากล้วยไม้มีทางเดินไปน้ำตกเหวสุวัตได้


น้ำตกเหวสุวัต เป็นน้ำตกที่มีชื่อเสียงมากเป็นที่รู้จักกันโดยทั่วไป ตั้งอยู่สุดถนนธนะรัชต์ รถเข้าถึง จากลานจอดรถเดินลงไปเพียง 100 เมตร หรือจะเดินเท้าต่อจากน้ำตกผากล้วยไม้ไปประมาณ 3 กิโลเมตรก็ได้ สายน้ำตกลงมาจากหน้าผาสูงราว 20 เมตร มีจุดชมน้ำตกในระยะไกลที่สามารถมองผ่านแมกไม้เห็นภาพของน้ำตกทั้งหมดในมุมสูงได้สวยงาม หรือหากต้องการสัมผัสกับสายน้ำตกและแอ่งน้ำด้านล่าง ก็มีทางเดินลัดเลาะลงไปได้ แต่ในช่วงฤดูฝนน้ำจะมาก ไหลแรง และเย็นจัดควรระมัดระวังอันตราย


น้ำตกเหวไทร-เหวประทุน จากน้ำตกเหวสุวัตมีป้ายบอกทางเดินต่อไปยังน้ำตกสองแห่งนี้ซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลกันนัก เป็นสายน้ำที่เชื่อมต่อกับเหวสุวัต ทางลงสู่น้ำตกชันมากและลื่นโดยเฉพาะหลังฝนตก บรรยากาศโดยรอบร่มรื่นมาก หากเดินไปอย่างเงียบๆ ระหว่างทาง อาจได้พบกับสัตว์เล็กๆ เช่น นก กระรอก


น้ำตกเหวนรก เป็นน้ำตกขนาดใหญ่และสูงที่สุดของอุทยานฯ อยู่ห่างจากที่ทำการฯลงมาทางทิศใต้ทางที่จะลงไปปราจีนบุรี โดยต้องเดินเท้าแยกจากทางสายหลักไปประมาณ 1 กิโลเมตรถึงจุดชมวิวที่มีมุมมองเห็นน้ำตกได้สวยงาม น้ำตกมีทั้งหมด 3 ชั้น ชั้นแรกสูงประมาณ 60 เมตร เมื่อน้ำไหลผ่านหน้าผาชั้นนี้จะพุ่งลงสู่หน้าผาชั้นที่ 2 และ 3 ที่อยู่ถัดลงไปใกล้ ๆ กันในลักษณะชันดิ่ง 90 องศา รวมความสูงไม่ต่ำกว่า 150 เมตร ในฤดูฝนสายน้ำที่ไหลทะลักไปสู่หุบเหวเบื้องล่างจะแรงมากจนน่ากลัวและเมื่อ กระทบหินเบื้องล่างจะแตกกระเซ็นสร้างความชุ่มชื้นไปทั่วบริเวณ บริเวณน้ำตกเหวนรกเป็นแดนหากินของช้างป่า ซึ่งช้างมักจะไม่เปลี่ยนเส้นทางหากิน จึงมักเกิดเหตุโศกนาฎกรรมช้างพลัดตกเหวอยู่เนือง ๆ


น้ำตกไม้ปล้อง เป็นน้ำตกที่พบมานานแต่ได้รับการปรับปรุงให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ มีทั้งหมด 5 ชั้น ลดหลั่นกันลงมา ชั้นสูงสุดไม่เกิน 12 เมตร มีลักษณะคล้ายคลึงกับน้ำตกเหวนรก หรือเหวสุวัต ตลอดเส้นทางเดินเท้าเรียงรายด้วยโขดหินเล็กใหญ่และลำธารที่สวยงาม การเดินทางไปน้ำตกนี้เริ่มต้นที่วังตะไคร้ จังหวัดนครนายกโดยต้องเดินเท้าระยะทางประมาณ 24 กิโลเมตร ติดต่อเจ้าหน้าที่นำทางได้ที่หน่วยพิทักษ์ฯ ขญ.9 (นางรอง)


การเดินทาง อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่อยู่ห่างจากกรุงเทพฯ ประมาณ 205 กิโลเมตร สามารถไปได้ 2 เส้นทางคือ แยกจากถนนมิตรภาพตรง กม.56 ไปตามถนนธนะรัชต์ประมาณ 23 กม. อีกเส้นทางหนึ่งคือ จากกรุงเทพฯ-แยกหินกอง แล้วไปตามทางหลวงหมายเลข 33 (นครนายก-ปราจีนบุรี) ถึงสี่แยกเนินหอมใช้ทางหลวง 3077 ไปถึงเขาใหญ่ เส้นทางที่สองค่อนข้างชันเหมาะที่จะใช้เป็นทางลงมากกว่า หากโดยสารรถประจำทางจากกรุงเทพฯ ให้ลงที่อำเภอปากช่องแล้วต่อรถสองแถวขึ้นเขาใหญ่ บริเวณหน้าตลาดปากช่องรถจะไปถึงตรงแค่ด่านเก็บเงิน ค่ารถ 15 บาท มีบริการระหว่างเวลา 06.00-17.00 น. จากนั้นต้องโบกรถขึ้นไปยังที่ทำการฯ หรือจะเช่ารถจากปากช่องเลยก็ได้ ค่าธรรมเนียมเข้าชมอุทยานฯ ชาวไทย เด็กคนละ 10 บาท ผู้ใหญ่ 20 บาท ชาวต่างประเทศเด็ก 100 บาท ผู้ใหญ่ 200 บาท รถ 50 บาท


ที่พักและสิ่งอำนวยความสะดวก บริเวณผากล้วยไม้จัดเป็นสถานที่ตั้งเต็นท์พักแรม ซึ่งรับนักท่องเที่ยวได้กว่า 1,000 คน เสียค่าธรรมเนียม เด็ก 10 บาท ผู้ใหญ่ 20 บาท/คืน มีร้านค้าสวัสดิการขายอาหาร และมีเต็นท์และเครื่องนอนให้เช่า นอกจากนั้นยังมีค่ายพักบริการอีก 2 แห่งคือ ค่ายพักกองแก้ว และค่ายพักเยาวชน ซึ่งรับนักท่องเที่ยวได้ รวม 250 คน และเสียค่าธรรมเนียมคนละ 30 บาท ไม่มีเครื่องนอนให้ ติดต่อขออนุญาตที่ที่ทำการฯก่อนเวลา 18.00 น. สอบถามรายละเอียดที่กองอุทยานแห่งชาติ กรมป่าไม้ โทร. 0 2579 7223 และ 0 2579 5734 หรือที่ทำการอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ปณ.9 อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา 30130


เขื่อนลำพระเพลิง อยู่ในเขตอำเภอปักธงชัย โดยเดินทางไปตามทางสาย 304 ผ่านทางเข้าอำเภอปักธงชัยไป 4 กิโลเมตร จะพบสี่แยก เลี้ยวขวามือเข้าไปเป็นระยะทาง 28 กิโลเมตร ก็จะถึงตัวเขื่อน ซึ่งเป็นสถานที่เหมาะสำหรับพักผ่อนและเช่าเรือชมอ่าง เก็บน้ำได้ครับ

22 กรกฎาคม, 2552

เที่ยวหน้าฝนที่สุโขทัย



ยอดเขาพระแม่ย่า
มีความสูงจากระดับน้ำทะเล 1,200 เมตรครับ ตามประวัติความเป็นมาในสมัยก่อน เป็นที่ประทับและจำศีลภาวนา ของพระแม่ย่า ยอดเขาพระเจดีย์ มีความสูงจากระดับน้ำทะเล 1,185 เมตร ซึ่งจุดเด่นของยอดเขาเหล่านี้ ประกอบ ไปด้วยหน้าผาที่สวยงาม และป่าดินสลับกับทิวทัศน์ของทุ่งหญ้าผืนใหญ่ ที่ทอดไปตามแนวทิวเขา น้ำตกต่าง ๆ ซึ่งได้แก่ น้ำตกสายรุ้ง เป็นน้ำตกที่มีชื่อเสียงและสวย งามมากที่สุดครับ อยู่ทางทิศตะวันตกของ เขาหลวง ไหลลงสู่แม่น้ำยมที่บ้านพุ อำเภอคีรีมาศ เป็นแหล่งท่องเที่ยวในเขตอุทยานแห่งชาติเขาหลวง การเดิน ทาง ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 101 (สายสุโขทัย-กำแพงเพชร) จากสุโขทัยกิโลเมตรที่ 400 มี ป้ายบอกทาง แยกขวาเข้าไปประมาณ 13 กิโลเมตร ถนนเข้าเป็นทางลูกรังสลับทางลาดยางบางช่วง มี หน่วยพิทักษ์อุทยานฯ ในบริเวณมีที่จอดรถ น้ำตกมี 4 ชั้นครับ ต้องเดินเท้าจากหน่วยพิทักษ์อุทยานฯ ขึ้นไปตาม ธารน้ำไหล มีระยะ ทาง 880, 960, 1,160 และ 1,200 เมตร ตามลำดับ น้ำตกที่สวยรองลงมาคือ น้ำตกหินราง ซึ่งอยู่บริเวณ ตรงด่านตรวจอุทยานแห่งชาติน้ำตกลำเกลียวครับ อยู่ทางทิศตะวันออกของเขาหลวง ไหลลงสู่แม่น้ำยมที่บ้าน โว้งบ่อ และนอกจากนี้ยังมีน้ำตกน้ำฟู น้ำตกผาน้ำริน และน้ำตกช่างทอง เป็นต้นครับ



อุทยานแห่งชาติรามคำแหง
(เขาหลวงจังหวัดสุโขทัย) ครอบคลุมพื้นที่ของอำเภอเมืองสุโขทัย อำเภอบ้านด่าน ลานหอย และอำเภอคีรีมาศ มีพื้นที่ทั้งสิ้นประมาณ 213,215 ไร่ เป็นอุทยานแห่งชาติทางประวัติศาสตร์แห่งแรกของเมืองไทยที่น่าสนใจ และน่าศึกษา เพราะเป็นการอนุรักษ์ป่าที่มีหลักฐานทางประวัติศาสตร์สมัยกรุงสุโขทัยไว้พร้อมกับธรรมชาติ ในสมัยก่อนเรียกป่านี้ว่าป่าเขาหลวง แต่เมื่อทางการเข้ามาดำเนินการสงวนพื้นที่แห่งนี้ไว้เพื่อประกาศให้เป็นอุทยานแห่งชาตินั้นได้ตั้งชื่อเสียใหม่ว่า รามคำแหง ซึ่งเป็นมงคลนา เพราะมาจากพระนามของกษัตริย์อัจฉริยะของชาติไทย คือ พ่อขุนรามคำแหงมหาราช ผู้ครองกรุงสุโขทัย เพราะชื่อเดิมนั้น (เขาหลวง) ซ้ำกับ ป่าเขาหลวง ซึ่งเป็นชื่ออุทยานแห่งชาติเขาหลวงที่จังหวัดนครศรีธรรมราช

อุทยานแห่งชาติรามคำแหงมีขุนเขาที่สูงเด่นเป็นสง่า คือ ยอดเขาหลวง ภายในอุทยานฯ สามารถที่จะเห็นสัตว์ป่าได้ เช่น วัวแดง เก้ง หมี หมู่ป่า นกกระเต็น นกนางแอ่ง พรรณไม้ที่สำคัญได้แก่ สัก ตะเคียน เต็ง รัง พืชสมุนไพร ว่าน น้ำตกที่สวยงาม และถ้ำต่างๆ ที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ เหมาะสำหรับการไปพักผ่อน และได้รับการประกาศแต่ตั้งให้เป็นอุทยานแห่งชาติรามคำแหง เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2523

ลักษณะภูมิประเทศ และภูมิอากาศ
เป็นภูเขาที่สลับซับซ้อนทอดตัวอยู่ในแนวเหนือ-ใต้
ตั้งตระหง่านอยู่บนพื้นราบคล้ายจอมปลวกขนาดใหญ่โดดเด่นเป็นสง่าอยู่กลางทุ่งนา
สภาพอากาศบนยอดเขาจะหนาวเย็นตลอดปี มีเมฆหมอกปกคลุมมากในช่วงฤดูหนาว และฤดูฝน
อุณหภูมิเฉลี่ยโดยประมาณ 12-14 องศาเซลเซียส

ช่วงที่อากาศเย็นสบายอยู่ระหว่างเดือนธันวาคม-มกราคม
ช่วงที่เหมาะสมสำหรับการเดินทางไปอุทยานฯ
เริ่มตั้งแต่ประมาณเดือนกันยายน-กุมภาพันธ์


สถานที่น่าสนใจ
ในเขตอุทยานแห่งชาติรามคำแหงได้แก่

เขาหลวง อยู่สูงจากระดับน้ำทะเลถึง 1,200 เมตร เป็นภูเขาที่มีหน้าผาสูงชัน และมียอดเขาสูงที่สุด อยู่ทางด้าน ทิศใต้ของเมืองสุโขทัยบนยอดเขามีทิวทัศน์ที่สวยงามปกคลุมด้วยทุ่งหญ้าธรรมชาติ ประกอบด้วยยอดเขา 4 ยอดด้วยกัน คือ


ยอดเขานารายณ์ สูงจากระดับน้ำทะเล 1,160 เมตร เป็นที่ตั้งของสถานีโทรคมนาคมเขานารายณ์ ของกองทัพอากาศมีเนื้อที่ 25 ไร่บริเวณเขานารายณ์มีหน้าผาที่สวยงาม และสูงชันเหมาะสำหรับเป็นสถานที่พักผ่อน สามารถมองเห็นทิวทัศน์รอบเขา ในเวลากลางคืนจะเห็นแสงไฟจากจังหวัดสุโขทัย และจังหวัดพิษณุโลก


ยอดเขาพระแม่ย่า สูงจากระดับน้ำทะเล 1,200 เมตร เดิมเคยเป็นที่ประทับจำศีลภาวนาของพระแม่ย่า


ยอดเขาภูกา สูงจากระดับน้ำทะเล 1,200 เมตร


ยอดเขาพระเจดีย์ สูงจากระดับน้ำทะเล 1,185 เมตร เมื่อมองจากยอดเขาเหล่านี้ลงไปสามารถมองเห็นทิวทัศน์ที่สวยงาม และจะเห็นทำนบกั้นน้ำที่สร้างขึ้นในสมัยสุโขทัยที่เรียกว่า สรีดภงค์ และตัวจังหวัดสุโขทัยได้อย่างชัดเจน



ทุ่งหญ้าธรรมชาติ บนยอดเขาจะเป็นทุ่งหญ้าที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติมีเนื้อที่ประมาณ 3,000 ไร่ มีหญ้าหลายชนิดขึ้นอยู่รวมกัน และบางชนิดเป็นพืชสมุนไพร


ไทรงาม เป็นต้นไทรขนาดใหญ่แผ่กิ่งก้านสาขาได้ลักษณะสวยงาม เหมาะที่จะไปนั่งพักผ่อน อยู่ระหว่างทางขึ้นยอดเขาหลวง


ปล่องนางนาค อยู่ห่างจากไทรงาม 320 เมตร เป็นปล่องธรรมชาติอยู่บริเวณยอดเขามีความกว้างประมาณ 0.5 เมตร ยาวประมาณ 1.5 เมตร ความลึกไม่สามารถวัดได้ ตามตำนานพระร่วงใน พงศาวดารเหนือเจ้าเมืองออกมาจำศีลที่เขาหลวงจึงเกิดตำนานเรื่องพระร่วงซึ่งเกี่ยวข้องกับปล่องนางนาคนี้

สมุนไพร และว่าน ในพื้นที่อุทยานฯ มีว่าน และสมุนไพรอยู่หลายชนิด เช่น โด่ไม่รู้ล้ม หอมไกลดง นางคุ้ม หนุมานประสานกาย กำลังเสือโคร่ง เป็นต้น

ประตูประวัติศาสตร์ มีประตูทางประวัติศาสตร์ที่ปรากฏอยู่ คือ ประตูป่า อยู่ทางทิศเหนือของสวนลุ่ม หรือบริเวณที่ตั้งของหน่วยพิทักษ์อุทยานฯ ประตูมะค่า อยู่ทางทิศตะวันตก เป็นประตูที่ตั้งอยู่ที่ บริเวณเมืองหน้าด่าน ประตูเปลือย อยู่ทางทิศตะวันออกของสวนลุ่ม ตั้งอยู่บริเวณด่านตรวจของอุทยานฯ ประตูพระร่วง อยู่ทางทิศใต้ของสวนลุ่ม และมีเรื่องเล่ามาว่าเป็นประตูที่พระร่วงเข้ามาเล่นว่าว ณ ที่แห่งนี้

สวนลุ่ม หรือสวนลุมพินีวัน เป็นสวนว่านยาสมุนไพรอีกแห่งหนึ่งอยู่ที่เชิงเขาหลวงปัจจุบันคือ ที่ตั้งของสำนักงานอุทยานแห่งชาติรามคำแหง ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันออกของเขาหลวง

น้ำตกสายรุ้ง อยู่ทางทิศตะวันตกของเขาหลวง เป็นน้ำตกที่มีชื่อเสียง และสวยงาม เกิดจากต้นน้ำบริเวณเขาเจดีย์ มาเป็นลำธารคลองไผ่นาไหลลงมาทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ ทิ้งตัวลงมาจากผาหินที่สูง เมื่อถูกแสงแดดส่องลงมากระทบเข้ากับน้ำเป็นสายทำให้เกิดปรากฏการณ์ทางธรรมชาติเป็นสายรุ้งที่มีสีสันสวยงาม มีน้ำตกเฉพาะในช่วงฤดูฝนเท่านั้นภายในบริเวณน้ำตกมีหน่วยพิทักษ์อุทยานฯ อยู่ห่างจากอุทยานฯ 50 เมตร ตัวน้ำตกมีทั้งหมด 4 ชั้น แต่ละชั้นสามารถลงเล่นน้ำได้โดยต้องเดินเท้าจากหน่วยพิทักษ์อุทยานฯ ขึ้นไปตามธารน้ำไหล มีระยะทาง 800 เมตร 900 เมตร 1,160 เมตร และ 1,200 เมตร ตามลำดับ

การเดินทาง
จากตัวจังหวัดสุโขทัยใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 101 เส้นสุโขทัย-คีรีมาศ พอถึงอำเภอคีรีมาศให้ตรงไปอีกประมาณ 18 กิโลเมตรจะมีทางแยกขวามือโดยผ่านอำเภอบ้านด่านลานหอยเข้าไป 13 กิโลเมตร แล้วมีทางแยกขวาอีกครั้งให้ตรงเข้าไปประมาณ 4 กิโลเมตร ถึงที่ทำการอุทยานฯ ช่วงระยะเวลาที่สามารถมองเห็นสายรุ้งตั้งแต่เวลา11.00-16.00 น.



รอยพระพุทธบาท

ตั้งอยู่เชิงเขาถ้ำพระบาททำด้วยหินชนวนแกะสลักรอยมงคล 108 สร้างในสมัยพระมหาธรรมราชาลิไท อายุประมาณ 600 ปีเศษ


ปรางค์เขาปู่จา

เป็นปรางค์ที่ก่อด้วยอิฐขนาดใหญ่ ตั้งอยู่บนภูเขาลูกเล็ก ๆ ใกล้กับอุทยานฯ เป็นศิลปะเขมรสมัย บาปวน สร้างสำหรับคนเดินทางเพื่อใช้ประกอบพิธีทางศาสนา มีอายุประมาณ 1,500 ปีเศษ



ถ้ำพระนารายณ์

เป็นสถานที่ที่เคยพบเทวรูปพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรเปล่งรัศมี ซึ่งราษฎรที่พบคิดว่าเป็น พระนารายณ์ปัจจุบันถูกทุบทำลายจนหมดคงเหลือแต่เฉพาะฐานเท่านั้น



ถ้ำพระแม่ย่า

เป็นเพิงหินขนาดใหญ่เคยเป็นสถานที่ประดิษฐานรูปปั้นพระแม่ย่า ปัจจุบันได้อัญเชิญไว้ที่ศาล พระแม่ย่าบริเวณศาลากลางจังหวัดสุโขทัย


ถนนพระร่วง

เป็นถนนสายประวัติศาสตร์ที่เชื่อมระหว่างเมืองกำแพงเพชรผ่านสุโขทัยจดศรีสัชนาลัย ด้วยระยะทาง 123 กิโลเมตร เชื่อว่าถนนสายนี้สร้างเมื่อ 700 ปีมาแล้ว เพื่อใช้เป็นเส้นทางยุทธศาสตร์อาจถือว่าเป็นทางหลวงแผ่นดินสายแรกของประเทศไทย



เขื่อนสรีดภงค์ และแหล่งต้นน้ำในอดีต

สรีดภงค์ คือ ทำนบกั้นน้ำ หรือเขื่อน ในสมัยโบราณคือ ทำนบพระร่วง เป็นคันดินกั้นน้ำระหว่างเขาพระบาทใหญ่ และเขากิ่วอ้ายมา น้ำในเขื่อนจะถูกส่งไปตามคลองสู่กำแพงเมืองไหลเข้า สระตระพังเงิน

ตระพังทองเพื่อใช้สอยในเมือง และพระราชวังในสมัยสุโขทัย ปัจจุบันกรมชลประทานได้บูรณะซ่อมแซมขึ้นใหม่สำหรับแหล่งต้นน้ำในอดีตเรียกว่า
โซก (คือ ลำธาร) ที่สำคัญได้แก่
โซกพระร่วงลองพระขรรค์
โซกพระร่วงลับพระขรรค์
โซกพม่าฝนหอก โซกชมพู่ (รัชกาลที่ 6 เคยเสด็จประพาสในเที่ยวเมืองพระร่วง) ซึ่งเป็นแหล่งต้นน้ำที่ไหลมาจากเขาประทักษ์

นอกจากนั้นทางอุทยานฯ ได้จัดทำ เส้นทางศึกษาธรรมชาติ โดยเริ่มจากที่ทำการอุทยานฯ ผ่าน สวนสมุนไพร ป่าดิบแล้ง ไทรงาม ชั้นดิน ชั้นหิน เป็นต้น ไปสิ้นสุดที่น้ำตกหินราง ระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทาง 2 ชั่วโมง โดยทางอุทยานฯ ได้จัดทำป้ายสื่อความหมายต่าง ๆ ของป่าเป็นระยะ ๆ


อัตราค่าเข้าอุทยานฯ
นักท่องเที่ยว ชาวไทย ผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาท
ชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 200 บาท เด็ก 100 บาทในกรณีที่นักท่องเที่ยวใช้บริการลูกหาบขึ้นยอดเขาหลวงราคากิโลกรัมละประมาณ 10 บาทโดยสามารถติดต่อได้ที่อุทยานฯ


สถานที่พัก

ทางอุทยานฯ มีบริการบ้านพักไว้สำหรับนักท่องเที่ยว จำนวน 3 หลัง พักได้ 6-10 คน ราคา 500 บาท/คืนและมีเต็นท์ให้เช่า พักได้ 2-8 คน ราคา 50–200 บาท/คืน ในกรณีที่นักท่องเที่ยวนำเต็นท์มาเองเสียค่าพื้นที่กางเต็นท์ ราคาคนละ 30 บาท/คืน

ติดต่อรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
อุทยานแห่งชาติรามคำแหง ตู้ปณ. 1 อำเภอคีรีมาศ จังหวัดสุโขทัย 64160 โทร. 05561 9200-1


การเดินทาง

รถยนต์ จากกรุงเทพฯ ถึงจังหวัดสุโขทัย สามารถใช้เส้นทางได้ 2 เส้นทาง


เส้นทางแรก ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 32 ผ่านทางนครสวรรค์ แล้วให้เลี้ยวซ้ายใช้ทางหลวงหมายเลข 1 ไปจนถึงกำแพงเพชร แล้วจากนั้นให้เปลี่ยนไปใช้เส้นทางหมายเลข 101 ไปจนถึงอำเภอคีรีมาศ จังหวัดสุโขทัยก่อนถึงจังหวัดสุโขทัย 20 กิโลเมตร บริเวณหลักกิโลเมตรที่ 414 จะเห็นยอดเขาสูงอยู่ทางซ้ายมือแล้วเลี้ยวซ้ายเป็นระยะทางประมาณ 16 กิโลเมตร ถึงที่ทำการของอุทยานแห่งชาติรามคำแหง



เส้นทางที่สอง ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 32 ไปจนถึงนครสวรรค์แล้วให้ใช้เส้นทางหมายเลข 117 ไปจนถึงพิษณุโลก และเปลี่ยนไปใช้เส้นทางหมายเลข12 ไปจนถึงสุโขทัย แล้วเดินทางต่อถึงอำเภอคีรีมาศให้แยกซ้ายเข้าไป 16 กิโลเมตรจนเข้าสู่อุทยานฯ และรถประจำทาง จากอำเภอคีรีมาศ นักท่องเที่ยวสามารถเหมารถสองแถวได้ที่บริเวณแยกคีรีมาศ ราคาเที่ยวละประมาณ 350-400บาท


ข้อควรแนะนำสำหรับนักท่องเที่ยว

-ทางอุทยานฯไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวเดินขึ้นยอดเขาหลวงหลังเวลา15.30 น.

-ด้านบนยอดเขานารายณ์มีเฉพาะอาหารแห้งจำหน่าย
ดังนั้นนักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินทางไปค้างแรมด้านบนควรเตรียมอาหารให้เพียงพอ

-ก่อนการเดินทางนักท่องเที่ยวควรสำรวจความพร้อมทางร่างกายและจำเป็นต้องเตรียมอุปกรณ์สิ่งของจำเป็นไปด้วยเช่น เสื้อกันหนาว หมวก ไฟฉาย ยา อาหารแห้ง เป็นต้น เนื่องจากไม่สามารถซื้อของเหล่านี้ได้


กลับสู่ด้านบน

20 กรกฎาคม, 2552

นวัตกรรมกล้วยไม้ นานาชาติ

ขอเชิญร่วมงาน แสดง นวัตกรรมกล้วยไม้ นานาชาติ
วันที่ 24 – 26 กรกฎาคม 2552 ณ อาคาร 8 อิมแพ็ค เมืองทองธานี จังหวัดนนทบุรี



รายละเอียด

ขอเชิญร่วมงานแสดง นวัตกรรมกล้วยไม้ นานาชาติ
วันที่ 24 – 26 กรกฎาคม 2552 ณ อาคาร 8 อิมแพ็ค เมืองทองธานี จังหวัดนนทบุรี





กรมส่งเสริมการเกษตร ร่วมกับ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สมาคมพฤกษชาติแห่งประเทศไทย สมาคมพืชสวนแห่งประเทศไทย และสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) จัด งานแสดง “นวัตกรรมกล้วยไม้” นานาชาติ THAILAND INTERNATIONAL ORCHID INNOVATION SHOW (TIOIS ) ครั้งแรกของประเทศไทย ระหว่างวันที่ 24 – 26 กรกฎาคม 2552 ณ อาคาร 8 อิมแพ็ค เมืองทองธานี จังหวัดนนทบุรี

งาน ในงานประกอบด้วย นิทรรศการนวัตกรรมใหม่ของกล้วยไม้ไทยและนานาชาติ ไม้ดอก ไม้ประดับพันธุ์ใหม่ การผลิตกล้วยไม้ในทศวรรษหน้า การสาธิตการใช้ประโยชน์ของกล้วยไม้ การจัดดอกไม้ การแสดงผลงานวิจัย การสัมมนาและเจรจาธุรกิจระหว่างผู้นำเข้าจากต่างประเทศ ผู้ส่งออกของไทย และเกษตรกร โดยวิทยากรชาวไทยและชาวต่างประเทศ จำหน่ายสินค้าที่มีคุณภาพได้มาตรฐานจากผู้ประกอบการในประเทศ และต่างประเทศ การประกวดกล้วยไม้ และไม้ดอก ไม้ประดับ

ผู้สนใจสามารถเข้าชม ฟรี ได้ตั้งแต่เวลา 10.00-21.00 น.


ขอขอบคุณข้อมูลจาก : การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
TAT Call Center 1672

16 กรกฎาคม, 2552

เที่ยวหน้าฝนที่พิษณุโลก




น้ำตกแก่งโสภา
อยู่บริเวณกิโลเมตรที่ 71-72 ถนน สายพิษณุโลก-หล่มสัก มีทางลาดยางแยกเข้าไป 2กิโลเมตร เป็นน้ำตก ขนาดใหญ่ สภาพโดยรอบร่มรื่น บริเวณน้ำตกมีลานจอดรถ ห้องสุขา และร้านขายอาหารไว้บริการด้วยครับ



น้ำตกแก่งซอง เป็นน้ำตกอยู่ริมทาง สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน อยู่ตรงกิโลเมตรที่ ๔๕ ถนนสายพิษณุโลก-หล่มสัก



ลำน้ำเข็ก มีต้นกำเนิดจากเทือกเขาจังหวัดเพชรบูรณ์ครับ ไหลผ่านมาทางทุ่งแสลงหลวง เริ่มต้นมาเป็นน้ำตกแก่งโสภาก่อน จากนั้นก็ไหลเคียงคู่กับถนนสายพิษณุโลก-หล่มสัก ผ่านทางด้านใต้ของอำเภอนครไทย ไหลมาทางอำเภอวังทอง เรียกชื่อใหม่ว่าแม่น้ำวังทาง

สถานที่ตั้ง : ตั้งอยู่ใน จ.พิษณุโลก
ลักษณะของสายน้ำ ลำน้ำเข็กเป็นลำน้ำที่มีแหล่งกำเนิดมาจากเทือกเขาเพชรบูรณ์ทางด้าน อ.เขาค้อไหลผ่านอุทยานฯ ทุ่งแสลงหลวงมาเป็นน้ำตกศรีดิษฐ์. น้ำตกแก่งโสภา ใน จ.พิษณุโลกจากนั้นไหลผ่านลำน้ำอันคดเคี้ยวกลายมาเป็นน้ำตกปอย. น้ำตกแก่งซอง และน้ำตกวังนกนางแอ่นแล้วไหลผ่าน อ.วังทอง ถูกเปลี่ยนชื่อมาเป็นแม่น้ำวังทอง จากนั้นไหลไปรวมกับแม่น้ำน่าน ที่ อ.บางกระทุ่ม ลำน้ำเข็กเป็นแม่น้ำที่ไม่ใหญ่นัก ในช่วงฤดูฝนกระแสน้ำจะไหลเชี่ยวกรากเป็นสีน้ำตาลเข้ม แต่ในช่วงฤดูฝนกระแสน้ำจะลดความรุนแรงลงเปลี่ยนมาเป็นสีขาวสดใส ลำน้ำเข็กจะไหลคดเคี้ยวไปตามซอกเขาใหญ่น้อยตั้งแต่เทือกเขาเพชรบูรณ์ ผ่านอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง เกิดเกาะแก่งมากมาย เช่น แก่งวังน้ำเย็นภายในอุทยานฯ ทางด้านหน่วยหนองแม่นาจากนั้นกระแสน้ำจะไหลเคียงคู่ขนาบไปกับทางหลวงหมายเลข 12 กระแสน้ำจะไหลผ่านเกาะแก่งมากมายท้าทายความสามารถของนักล่องแก่งมืออาชีพเป็นอย่างยิ่ง

แก่งต่างๆที่จะต้องล่องผ่าน
จุดเริ่มต้นของการล่องแก่งลำน้ำเข็กจะเริ่มต้นที่ด้านหลังของ ทรัพย์ไพวัลย์แกรนด์โอเต็ลแอนด์รีสอร์ทมาได้ไม่กี่ร้อยเมตรก็จะได้พบกับความ ตื่นเต้นเร้าใจจากแก่งต่างๆดังต่อไปนี้คือ
แก่งท่าข้าม เป็นแก่งน้ำขนาดเล็ก พอให้นักล่องแก่งได้ฝึกหัดบังคับเรือยางสร้างความคุ้นเคยกับการล่องแก่งน้ำเข็ก
แก่งไทร เป็น แก่งที่มีระดับความยากง่ายในการบังคับเรือยางให้ผ่านแก่งนี้ไปได้จะต้องใช้ ทักษะในการบังคับเรือยางพอสมควรกระแสน้ำจะไหลแยกออกเป็นสองทาง
แก่งซาง ก่อนที่จะถึงแก่งซางนั้นกระแสน้ำในลำน้ำเข็กจะราบเรียบพอสมควรจนบางครั้งอาจทำให้นักล่องแก่งบางคนง่วงนอน แก่งซางจะมีลักษณะเป็นลานหินที่กว้างมาก และกระแสน้ำจะลดระดับลงมาในแต่ละช่องและกว่าจะหมดแก่งซางนั้นสายน้ำก็จะลดระดับลงมาไม่ต่ำกว่าสิบเมตรเลยทีเดียว ลำน้ำจะหักศอกเลี้ยวซ้ายในทันทีที่เรือยางล่วงมาถึงจุดนี้ นักล่องแก่งจะได้เห็นความยิ่งใหญ่ของแก่งซาง ความรุนแรงของสายน้ำที่ไหลผ่านเกาะแก่งลดหลั่นลงมา เป็นชั้นๆ มีลักษณะคล้ายฟองคลื่นสีขาว กระจายไปทั่วลำน้ำแห่งนี้ทำเอานักล่องแก่งที่ง่วงนอนตาสว่างขึ้นทันใด เพราะความเร้าใจในการล่องแก่งน้ำเข็กได้เริ่มขึ้นแล้วที่แก่งซางแห่งนี้
แก่งโสภาราม เป็นแก่งคดเคี้ยวเลี้ยวไปมาคล้ายตัว S ความรุนแรงของกระแสน้ำไม่มากนัก แต่นักล่องแก่งจะต้องใช้ทักษะในการพายเรือยางค่อนข้างสูง
แก่งนางคอย อยู่ห่างจากแก่งซางระยะทางไม่ไกลกันเท่าใดนัก ลักษณะของแก่งนางคอยจะค่อยๆลดระดับกันลงมาเป็นชั้นๆ ในบางครั้งกระแสน้ำที่ไหลกระทบกับชั้นหิน ของแก่งนางคอยจะมีความสูงเกือบสองเมตรเลยทีเดียว ดังนั้นในการล่องเรือยางผ่านแก่งนางคอยนั้นนักล่องแก่งจะต้องใช้ทักษะในการพายสูง เพราะมิฉะนั้นโขดหินและเกาะแก่งต่างๆ ที่จมอยู่ใต้น้ำอาจจะทำให้เรือยางพลิกคว่ำลงได้ง่ายๆ
แก่งยาว จะมีความยาวของแก่งประมาณ 100 เมตรสมกับชื่อแก่งยาว กระแสน้ำจะไหลผ่านโขดหินตลอดจน เกาะแก่งที่จมอยู่ใต้น้ำมากมายในช่วงฤดูฝนในบางช่วงของแก่งกระแสน้ำอาจจะลดระดับลาดเอียงเทลงอย่างน่าใจหาย นักล่องแก่งจะต้องใช้ทักษะในการพายเรือผ่านแก่งนี้ค่อนข้างสูง
ข้อมูลการเดินทาง
โดยรถยนต์ส่วนตัว จากกรุงเทพฯ ใช้ทางหลวงหมายเลข 1 (พหลโยธิน) ถึงวังน้อยแยกเข้าทางหลวงหมายเลข 32 ผ่าน จ.อยุธยา จ.อ่างทอง จ.สิงห์บุรี จ.ชัยนาท ต่อไปจนถึง จ.นครสวรรค์ จากนั้นใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 117 ตรงเข้าสู่ จ.พิษณุโลก รวมระยะทาง 370 กม.หรือเดินทางโดยรถประจำทางปรับอากาศ โดยพิษณุโลกยานยนต์ทัวร์ มีรถประจำทางปรับอากาศชั้นหนึ่ง กรุงเทพฯ-พิษณุโลก วิ่งบริการวันละ 13 เที่ยว ตั้งแต่เวลา 08.00-23.00 น.

ข้อควรปฏิบัติก่อนการเดินทาง

ก่อนจะไปล่องแก่งควรเตรียมตัวสำหรับการเดินทางให้เหมาะสมเพื่อให้ได้รับความสนุกสนาน ความปลอดภัย โดยมีส่งผล กระทบกับธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ดังต่อไปนี้

1. พื้นที่ที่จะเดินทางไปส่วนใหญ่จะอยู่ในเขตป่าต้นน้ำที่ธรรมชาติมีความเปราะบาง จำเป็นอย่างยิ่งที่จะ ต้องติดต่อขออนุญาตเดินทางเข้าไปในพื้นที่ต่าง ๆ ให้ถูกต้อง เช่น การขออนุญาตต่อกรมป่าไม้ หน่วย งานที่ดูแลพื้นที่เหล่านั้นด้วย
2. การล่องแก่งเป็นกิจกรรมประเภทท่องเที่ยวธรรมชาติกึ่งการผจญภัย จำเป็นที่จะต้องใช้ความระมัด ระวังอย่างยิ่งในการร่วมกิจกรรมต่าง ๆ โดยเลือกใช้บริการที่มีการจดทะเบียนธุรกิจนำเที่ยวแล้วเรียบร้อย และตรวจสอบรายการท่องเที่ยว และข้อตกลงต่าง ๆ ให้เรียบร้อย เช่น การประกันภัย เครื่องมือ อุปกรณ์ที่มีการให้บริการ
3. การเตรียมตัวท่องเที่ยวทางน้ำ ควรเลือกเสื้อผ้าที่เหมาะสม เช่น กางเกงขาสั้น และเสื้อผ้า ควรใช้ผ้าที่ แห้งง่าย รองเท้าแตะที่มีสายรัดจะดีมาก เพราะต้องเตรียมพร้อมที่จะเปียกน้ำ และขึ้นไปเดินบนฝั่ง หากมีการเดินป่าระยะทางไกล ก็จำเป็นต้องนำรองเท้าผ้าใบไปอีกคู่หนึ่ง ในช่วงฤดูหนาวควรมีเสื้อแจ๊กเกต ผ้ากันลมไว้ใส่กันหนาวช่วงที่ล่องแก่งด้วย
4. เสื้อผ้า อุปกรณ์สำหรับแค้มปิ้ง และกล้องถ่ายภาพ และของใช้ต่าง ๆ ควรใส่ถุงพลาสติค หรือถุงกันเปียก ให้เรียบร้อย การเตรียมสัมภาระต่าง ๆนำไปเฉพาะที่จำเป็นจริง ๆ เพราะพื้นที่ขนสัมภาระจำกัด
5. ในการล่องแก่งควรศึกษาข้อปฏิบัติการพายเรือ พยายามมีส่วนร่วมในการเดินทางอย่างดี ควรปฏิบัติตัว ตามคำแนะนำของกัปตันเรือ และมัคคุเทศก์
6. หากมีการรับประทานอาหาร หรือไปประกอบอาหารในป่า ควรเลือกรายการอาหารที่สะดวกง่ายและ หลีกเลี่ยงการใช้เครื่องกระป๋อง ภาชนะประเภทกล่องโฟม ขวดน้ำ พลาสติคที่ใช้ครั้งเดียว เพื่อลดขยะ และมลพิษ ทุกครั้งที่เก็บแคมป์ ควรดูแลความสะอาด พยายามให้พื้นที่กลับสู่สภาพเดิมให้มากที่สุด


หลักการพายเรือล่องแก่ง

ลักษณะของสายน้ำและการอ่านสายน้ำ
ความแรงของกระแสน้ำจะขึ้นอยู่กับส่วนประกอบต่าง ๆ ในธรรมชาติ เช่น ความลึก (Volume) โดยร่องน้ำยิ่งลึกมาก กระแสน้ำก็จะยิ่งไหลแรงมากขึ้นตาม

การไหลของน้ำ (Gradient) สามารถแยกได้เป็น 2 อย่าง คือ แก่ง (Rapid) ซึ่งน้ำจะไหลเร็วและแรงมาก แอ่ง (Pool) น้ำจะไหลช้าและมีความลึกมาก ปกติโดยทั่วไป บริเวณต้นแก่งน้ำ จะไหลเอื่อยและช้ากว่ากลางแก่ง หรือปลายแก่ง
อีกสิ่งหนึ่งที่ควรรู้และนักล่องแก่งต้องคำนึงถึงก็คือ ความเร็วของกระแสน้ำใต้ผิวน้ำและระดับน้ำจะต่างกัน โดยช่วงต่ำ กว่าผิวน้ำลงไป กระแสน้ำจะค่อย ๆ ลดความเร็วลง
สำหรับความลาดเอียงของหินใต้น้ำ (River Bend) จะมีผลต่อความแรงของกระแสน้ำด้วย คือบริเวณที่ลึก น้ำจะไหล แรงกว่าบริเวณที่ตื้น และภายใต้กระแสน้ำอาจจะมีหินใต้น้ำที่มองไม่เห็น และเป็นอันตรายไม่น้อย คือต้นไม้ หรือกิ่งไม้ที่ล้ม ขวางน้ำ อาจจะส่งผลอันตรายต่อลูกเรือ หรือตัวเรือได้

ร่องน้ำรูปตัววี (downstream V) สายน้ำจะบีบตัวเข้าหากันเป็นรูปตัววี โดยมีโขดหินสองข้างขวางลำน้ำ ทำให้เกิด เป็นร่องน้ำระหว่างหินนั้น ควรบังคับหัวเรือให้ตรงตามร่องตัววีนั้น แต่อย่างไรก็ตาม นายท้ายเรือจะต้องตัดสินใจในการ แก้ไขสถานการณ์ล่วงหน้าอีกครั้ง เพราะช่องทางที่ดีที่สุดที่เห็นนั้น อาจจะพัดนักผจญแก่งไปกระแทกกับหินก็ได้

ร่องน้ำรูปตัววีคว่ำ ที่หันมุมแหลมเข้าหาเรานั้น จะเป็นอันตรายมาก เรืออาจจะกระแทกกับหิน หรือน้ำอาจดูดเข้าไปหา จนทำให้เรือ หรือตัวเรากระแทกกับแก่งหินได้

น้ำวน ในกรณีนี้จะต้องพายเรือออกจากศูนย์กลางของวังน้ำวนให้เร็วที่สุดและกรณีผู้ที่ตกน้ำก็เช่นกัน จะต้องพยายาม ว่ายออกจากศูนย์กลางให้เร็วที่สุด โดยไม่ต้องสนใจว่าฝั่งจะอยู่ทางใด และเมื่อหลุดจากวังน้ำวนมาแล้วค่อยว่ายเข้าหาฝั่ง

คลื่น (Wave) ในกระแสน้ำที่ไหลแรงและลึก หินใต้น้ำและผิวน้ำจะทำให้เกิดคลื่นน้อยใหญ่แตกต่างกัน คลื่นนั้นอาจจะ ม้วนเป็นวงอย่างแรง ควรพยายามหลีกเลี่ยง เพราะจะทำให้ควบคุมเรือยาก เรืออาจจะถูกกระแสน้ำม้วนทำให้พลิกคว่ำได้

น้ำนิ่งหลังแก่ง (Eddy) กระแสน้ำบริเวณหลังแก่งจะเป็นน้ำวนไหลย้อนทิศทาง ทำให้มีความแรงของน้ำน้อยลง สามารถใช้เป็นจุดพักเรือได้

น้ำม้วนหน้าแก่ง (Hydro) เกิดจากกระแสน้ำที่ตกจากที่สูง น้ำที่ตกลงมาจะม้วนตัวอยู่หน้าแก่งก่อนที่จะไหลต่อไป ซึ่ง ถ้ามีความแรงมาก ๆ ก็สามารถที่จะพลิกเรือให้คว่ำได้ และถ้ากระแสน้ำไหลตกจากที่สูงมากเท่าใด ก็จะยิ่งอันตรายมาก เท่านั้น
ถ้ากรณีที่เรือพลิกคว่ำหลังลงจากที่สูงแล้ว ผู้ตกน้ำควรจะดำน้ำมุดหนีโพรงน้ำนั้นให้เร็วที่สุด อย่าพยายามขึ้นมาเหนือน้ำ เพราะกระแสน้ำจะม้วนดูดกลับลงไปอีก


การช่วยเหลือตัวเองเมื่อพลัดตกเรือ

เมื่อตกไปในน้ำก็ให้พยายามว่ายเข้าหาเรือ หรือเข้าฝั่งให้เร็วที่สุด ทั้งนี้เพื่อป้องกันการบาดเจ็บที่จะเกิดขึ้นจากกระแส น้ำที่พัดพาตัวเราให้ไปตกอีกแก่งหนึ่งได้
เมื่อตกน้ำ ให้พยายามลอยตัวให้อยู่เหนือน้ำในลักษณะท่านอนหงาย ยกขาทั้งสองข้างขึ้นระดับผิวน้ำ เสื้อชูชีพจะช่วยพยุง ตัวให้ลอย พยายามให้ขาไปข้างหน้าขณะที่ไหลไปตามกระแสน้ำ ค่อย ๆ เตะขาอย่างช้า ๆ เพื่อชะลอความเร็วและป้องกัน ตัวเองจากการกระแทกกับแก่งหิน
ที่สำคัญอย่างยิ่งในการล่องเรือ ผู้เชี่ยวชาญเน้นที่ความปลอดภัยทุกครั้ง โดยเฉพาะอุปกรณ์พื้นฐาน เช่น เสื้อชูชีพ หมวกกัน น็อก เสื้อชูชีพจะช่วยพยุงตัวเราให้ลอยเหนือน้ำ ส่วนหมวกกันน็อกนอกจากจะช่วยป้องกันศีรษะกระแทกกับหินแล้ว ใน กรณีตกจากเรือ ยังช่วยป้องกันการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุไม้พายของคนข้างหลังตีอีกด้วย

การจัดระดับความยากของแก่งตามมาตรฐานสากล

ระดับ 1 ง่ายมาก มีแก่งเล็กน้อย
ระดับ 2 ธรรมดา น้ำไหลแรงขึ้น มีแก่งที่ต้องใช้เทคนิค
ระดับ 3 ปานกลาง เริ่มมีแก่งน่าตื่นเต้น เทคนิคการพายสูงขึ้น
ระดับ 4 ยาก มีแก่งที่ต้องใช้ทั้งเทคนิคและทักษะในการพาย
ระดับ 5 ยากมาก น้ำไหลเชี่ยว ต้องใช้เทคนิคและประสบการณ์การพายสูง และต้องมีความระมัดระวัง
ระดับ 6 อันตราย ไม่เหมาะแก่การล่องแก่ง

ติดต่อล่องแก่งลำน้ำเข็กได้ที่
1. ทรัพไพรวัลย์ แกรนด์ โฮเต็งแอนรีสอร์ท โทร 0-5529-3293 ,0-5529-3339-40, 0-2236-2711, 0-2236-2715
2. POP TOUR โทร 0-5524-2060, 0-1680-3939, 0-1475-5080
3. ์NATURE CAMP โทร 0-5521-3541, 0-1475-6867
4. RAIN FOREST RESORT โทร 0-5529-3085-6
5. CAMPING SIDE CENTER โทร 0-2433-2760
6. ภูแก้ว แอดเวนเจอร์ ปาร์ค โทร. 0-2381-0691-4 , 0-2381-0198



ทุ่งแสลงหลวง สภาพพื้นที่เป็นทุ่งหญ้าโล่งใหญ่ (แบบสวันนา) อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ ประมาณ 60 กิโลเมตร มีเนื้อที่ประมาณ 10 ตารางกิโลเมตร มีทางลูกรังสายที่ทำการอุทยานฯ ทุ่งแสลงหลวง ตามเส้นทางจะผ่านป่าตอนกลางอุทยานฯ ทำให้ได้เที่ยวชมสภาพธรรมชาติของป่าเขาลำเนาไพรอีกด้วย




อุทยานแห่งชาติน้ำตกชาติตระการ มีพื้นที่ครอบคลุมอยู่ในท้องที่อำเภอชาติตระการ และอำเภอ- นครไทย มีเนื้อที่ 339,375 ไร่ครับ ประกาศเป็น อุทยานแห่งชาติเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2530 สภาพพื้นที่ ทั่วไปเป็นเทือกเขาและภูเขาสูงสลับซับซ้อน อยู่ห่างจากตัวเมืองพิษณุโลก 145 กิโลเมตร การเดินทางไป ใช้เส้นทางสายพิษณุโลก-หล่มสัก เลี้ยวซ้ายที่บ้าน แยง (กิโลเมตรที่ 68 ) เข้าสู่เส้นทางหลวงหมาย เลข 2013 ไปประมาณ 29 กิโลเมตร ไปจนถึงอำเภอนครไทย แล้วเลี้ยวซ้ายไปทางอำเภอชาติตระการ 38 กิโลเมตร ก่อนถึง อำเภอชาติตระการเล็กน้อย แยกขวาทางหลวง หมายเลข 1237 อีก 10 กิโลเมตร ถึงที่ทำการอุทยานฯ หากใช้รถประจำทางสายพิษณุโลก- ชาติตระการ ขึ้นที่ สถานีขนส่งพิษณุโลก และต่อรถสอง- แถวสายชาติตระการ-บ้านนาดอน ไปยังน้ำตกชาติตระการ สถานที่ท่อง เที่ยวในอุทยานฯ ได้แก่ น้ำตกชาติตระการ หรือ น้ำตกปากรอง มีทั้งหมด 7 ชั้น หน้าผาบริเวณ น้ำตกมีสีสรร ต่างๆ กัน ตามแต่หินชั้นที่เกิดในช่วงเดือนมกราคม-มิถุนายน จะมีฝูงผึ้งมาทำรังเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ที่ อุโมงค์ผาเลขมีร่องรอย ศิลปะยุคแรกของมนุษย์ คือ รอยแกะสลัก บนแผ่นหินเป็นสัญลักษณ์ต่างๆ ลักษณะ คล้ายรูปสัตว์ อุทยานแห่งชาติน้ำตกชาติตระการ มีบ้านพักไว้สำหรับบริการนักท่องเที่ยว สำรองที่พักติดต่อ กองอุทยานแห่งชาติ กรมป่าไม้ โทร. 5790529, 5794842 ได้ครับ



อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว
มีพื้นที่ 149,375 ไร่ ครอบคลุมพื้นที่ของอำเภอบ้านโคก อำเภอน้ำปาด จังหวัดอุตรดิตถ์ และอำเภอชาติตระการ จังหวัดพิษณุโลก ได้รับการประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติ เมื่อปี 2537 ลักษณะภูมิประเทศประกอบด้วยภูเขาสูงตามแนวชายแดนไทย - ลาว มียอดภูสอยดาวสูงที่สุด 2,102 เมตร จากระดับทะเล สภาพพื้นที่เป็นภูเขาสูงที่ป่าปกคลุม เป็นป่าดิบเขาสลับทุ่งหญ้าและป่าสน เช่น ป่าสนสามใบ อากาศหนาวเย็นเกือบตลอดทั้งปี มีดอกไม้ป่าพันธุ์ต่างๆ เช่น ดอกหงอนนาค ดอกไม้ดินต่างๆ ขึ้นอยู่กลางป่าสน ภูสอยดาวสามารถจะมาท่องเที่ยวได้ทั้งปี แต่ถ้าหากอยากดูดอกไม้สีสวยๆ ที่มักจะขึ้นเพื่อรับความชุ่มชื้นในช่วงหน้าฝน ควรจะมาในช่วงปลายฝนต้นหนาว

สถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจภายในอุทยานฯ ได้แก่

น้ำตกภูสอยดาว อยู่ใกล้ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว มี 5 ชั้น มีน้ำไหลตลอดปี แต่จะมีน้ำมากในช่วงหน้าฝน

ลานสน การเดินทางสู่ยอดลานสนต้องขึ้นเขาลาดชันเกือบตลอดเส้นทาง และผ่านเนินต่าง ๆ ที่มีชื่อบอกถึงความยากลำบากในการเดินผ่านแต่ละเนิน เช่น เนินส่งญาติ เนินปราบเซียน เนินป่าก่อ เนินเสือโคร่ง และเนินมรณะ ที่มีความสูงชันมากที่สุด แต่เส้นทางที่เดินขึ้นไปนั้นไม่ยุ่งยากเพราะจะเดินไต่เขาขึ้นไปตามสันเขาไม่ มีทางแยกไปไหน ระยะทางเดินเท้าขึ้นลานสนประมาณ 6.5 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินเท้าประมาณ 5-6 ชั่วโมง บนลานสนจะเป็นทุ่งหญ้า มีต้นสนสองใบ สนสามใบ ต้นหงอนนาค ที่มีสีม่วงตัดกับดอกสร้อยสุวรรณาที่มีสีเหลือง ออกดอกให้ดูสวยงาม และดอกไม้อีกนานาชนิดที่ขึ้นอวดความสวยงามและสร้างความสดขื่นสดใสให้กับลาน สน บนลานสนเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยงามด้วย บนลานสนไม่มีบ้านพักและอาหาร หากต้องการจะขึ้นไปพักค้างแรมต้องเตรียมเต็นท์และอาหารไปเอง และหากนักท่องเที่ยวต้องการลูกหาบช่วยขนสัมภาระก็มีบริการ การจะขึ้นบนลานสนต้องติดต่อขอเจ้าหน้าที่นำทาง และอุทยานฯ จะอนุญาตให้ขึ้นได้ตั้งแต่เวลา 08.00–13.00 น.

น้ำตกสายทิพย์ เป็นน้ำตกอยู่บนลานสน มี 7 ชั้น ทางไปน้ำตกเป็นหุบเขา ค่อนข้างลาดชัน

อุทยานฯ มีบ้านพักบริการนักท่องเที่ยว และสามารถกางเต็นท์ได้บนยอดลานสน สอบถามรายละเอียดได้ที่ กองอุทยานแห่งชาติ กรมป่าไม้ โทร. 579–5734, 579–7223 หรือที่ อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว ตำบลห้วยมุ่น อำเภอน้ำปาด จังหวัดอุตรดิตถ์ 53110

การเดินทาง

จาก จังหวัดอุตรดิตถ์ ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 1045 ผ่านเขื่อนสิริกิติ์ สู่อำเภอน้ำปาด ระยะทาง 68 กิโลเมตร ต่อจากนั้นใช้เส้นทางหมายเลข 1239 ไปทางบ้านห้วยมุ่นอีกประมาณ 47 กิโลเมตร และจากบ้านห้วยมุ่นใช้เส้นทางหมายเลข 1268 อีก 18 กิโลเมตร ก็จะถึงน้ำตกภูสอยดาว ซึ่งเป็นจุดเริ่มเดินเท้าขึ้นสู่ยอดลานสน สำหรับรถโดยสารประจำทาง จากอุตรดิตถ์จะมีรถโดยสารปรับอากาศออกจากตลาดอำเภอเมือง (ตลาดต้นโพธิ์) ไปอำเภอน้ำปาดทุกชั่วโมง ตั้งแต่เวลา 06.00–17.00 น. (แต่รถเที่ยวแรกจะเข้ามาที่สถานีขนส่ง เวลา 05.00 น.) ใช้เวลาประมาณ 2.30 ชั่วโมง จากนั้นลงรถที่หน้าโรงพยาบาลอำเภอน้ำปาด จะมีท่ารถสองแถว ต้องเหมารถไปภูสอยดาวประมาณ 300 บาท ใช้เวลาเดินทางอีก 3 ชั่วโมง สำหรับผู้ที่ต้องการจะเดินทางกลับทางอำเภอชาติตระการ จังหวัดพิษณุโลก ต้องเหมารถไป ราคาประมาณ 500 บาท ใช้เวลา 2 ชั่วโมง และต่อรถโดยสารไม่ปรับอากาศที่อำเภอชาติตระการ สายชาติตระการ-นครไทย-พิษณุโลก มีรถบริการระหว่างเวลา 05.00–17.30 น. ช่วงนี้ใช้เวลา 3 ชั่วโมง ค่าโดยสาร 43 บาท รถโดยสารจากพิษณุโลก กลับกรุงเทพฯ ควรจะไปซื้อตั๋วที่บริษัทในตลาดโดยตรงมากกว่าที่จะมาที่สถานีขนส่ง เนื่องจากมีโควต้าขายตั๋วน้อย

10 กรกฎาคม, 2552

เที่ยวลำปางหน้าฝน




อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน
มีพื้นที่ครอบคลุมอยู่ในท้องที่อำเภอเมืองปาน อำเภอแจ้ห่ม และ อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง มีสภาพป่าอัน อุดมสมบูรณ์และเป็นแหล่งต้นน้ำลำธาร มีเนื้อที่ประมาณ 592 ตารางกิโลเมตร ได้รับการประกาศเป็นอุทยาน แห่งชาติเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2531 ครับ


อุทยานถ้ำผาไท อยู่ระหว่างอำเภอเมืองลำปางกับอำเภองาว ห่างจากตัวเมืองประมาณ ๖๕ กิโลเมตร แยกตรงกิโลเมตรที่ ๖๖๕ ห่างจากถนนใหญ่ ๕๐๐ เมตร รถยนต์เข้าถึงเชิงถ้ำ ภายในบริเวณถ้ำมีหินงอกหินย้อยสลับซับซ้อน และมีถ้ำเล็กถ้ำน้อยมากมาย มีความสวยงามแตกต่างกันไป พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๙ เคย เสด็จประพาสเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๙๖ ดังปรากฏรอยจารึกพระปรมาภิไธย่อ ภปร. ที่หินย้อยภายในถ้ำนั้นครับ



อุทยานแห่งชาติดอยหลวง ได้รับการจัดตั้งเป็นอุทยานแห่งชาติแห่งใหม่ ครอบคลุมพื้นที่จังหวัดลำปาง พะเยา และเชียงราย มีสถานที่ น่าสนใจในเขตจังหวัดลำปาง ได้แก่ น้ำตกวังแก้ว เป็นน้ำตกที่สวยที่สุดของจังหวัดลำปาง อยู่ที่อำเภอ วังเหนือห่างจากตัวเมือง ๑๓๐ กิโลเมตร ไปตามเส้นทางลำปาง-แจ้ห่ม และห่างจากตัวอำเภอ ๒๖ กิโลเมตร ลักษณะน้ำตกเป็นชั้นๆ มีถึง ๑๑๐ ชั้น เมื่อขึ้นไปถึงชั้นบนสุดของน้ำตกจะพบหมู่บ้านชาวเขาเผ่าเย้า

09 กรกฎาคม, 2552

เที่ยวพะเยาหน้าฝน



อุทยานแห่งชาติภูซาง อุทยานแห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาดอยเขาหม่น มีพื้นที่ราว 290 ตารางกิโลเมตรครับ แหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญได้แก่ น้ำตกภูซาง น้ำที่ไหลลงมาจากน้ำตกแห่งนี้เป็นน้ำอุ่นครับ อุทยานแห่งชาติภูซางนี้ตั้งอยู่ที่ตำบลภูซาง ห่างจากอำเภอเชียง คำประมาณ 20 กิโลเมตร ตาทางหลวง 1093 ครับ



น้ำตกผาแดง อยู่ตำบลป่าแฝก ระยะทางประมาณ 15 กิโลเมตร จากตัวอำเภอมีความสวยงามไม่แพ้น้ำตกจำปาทอง ในเขตอำเภอเมืองพะเยาครับ


กลับสู่ด้านบน


08 กรกฎาคม, 2552

เที่ยวหน้าฝนที่แม่ฮ่องสอน



วนอุทยานน้ำตกผ่าเสื่อ
ตั้งอยู่ในเขตตำบลหมอกจำแป่ ตามเส้นทางสู่อำเภอปาย เป็นระยะทาง ๑๘ กิโลเมตร และแยกไปตาม เส้นทาง ขึ้นสู่ พระตำหนักปางตอง น้ำตกแห่งนี้ ไหลลงมาจากน้ำตก แม่สะงา ในพม่า มี ๖ ชั้น ชั้นที่คนนิยม เที่ยวมาก ที่สุด คือผาเสื่อ ซึ่งมีขนาดใหญ่ และน้ำมากตลอดปีครับ



โป่งน้ำร้อนท่าปาย สภาพของโป่งน้ำร้อนเป็นบ่อน้ำร้อนไหลเรื่อย ๆ ทั่วบริเวณกว้าง มีบ่อใหญ่สองบ่อ นอกนั้นมีลักษณะเป็น น้ำผุด บางจุดความร้อนสูงประมาณ 80 องศาเซลเซียสครับ และรอบ ๆ โป่งน้ำร้อนเป็นไม้สักที่สมบูรณ์ มาก ภายในบริเวณอนุญาติให้ตั้งเต๊นท์พักแรมได้ครับ แต่ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกใด ๆ ทั้งสิ้น โป่งน้ำ ร้อนท่าปาย ตั้งอยู่ในป่าแม่ปายฝั่งซ้ายตอนบนท้องที่ตำบลแม่ฮี้ โดยใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 1095 ข้าม สะพานแม่น้ำปาย ถึงหลักกิโลเมตรที่ 87-88 แยกซ้ายเข้าไปอีก 2 กิโลเมตร ตามทางเข้าบ้านท่าปายเป็นทาง ราดยางตลอดทั้งสายแล้วครับ

น้ำตกหมอแปง อยู่หมู่ที่ ๔ บ้านหมอแปง ตำบลแม่นาเติง เดินทางโดยรถยนต์ได้สะดวก และมีชาวเขา เผ่ามูซอแดง อาศัย อยู่ในบริเวณใกล้เคียง บริเวณรอบๆ น้ำตก มีป่ายางร่มรื่น อยู่ห่างจาก ตัวอำเภอปายประมาณ ๘-๙ กิโลเมตร ใกล้กับน้ำตกหมอแปง เป็น น้ำตกม่วงสร้อย แต่ทางเข้ายังไม่สะดวกเท่าไหร่ครับ

น้ำตกแม่เย็น อยู่ที่บ้านแม่เย็น ตำบลแม่ฮี้ ห่างจากอำเภอปาย ประมาณ 7 กิโลเมตร เป็นน้ำตกขนาดสูง 3 ชั้น และสวยงาม ที่สุดของอำเภอ การคมนาคมโดยการเดินเท้าใช้เวลา 3-5 ชั่วโมงครับ



น้ำตกแม่สุรินทร์ อยู่ในเขตบ้านแม่สุรินทร์ ตำบลแม่ยวมน้อย อำเภอขุนยวม การเดินทางใช้ทางหลวงหมายเลข 108 ถึงอำเภอขุนยวม และจากขุนยวมเข้าไปน้ำตกแม่สุรินทร์ ระยะทางประมาณ 50 กิโลเมตร เป็นทาง ลูกรัง น้ำตกแม่สุรินทร์เป็นน้ำตกที่มีความสวยงามมากครับ เป็นน้ำตกชั้นเดียวไหลจากหน้าผาสู่หุบ เขาด้านล่าง สูงประมาณ 100 เมตรครับ

ล่องแก่งแม่เงา บ้านแม่เงา ตำบลแม่สวด เป็นเส้นทางคมนาคมทางน้ำที่เหมาะสำหรับการล่องแพเพื่อผจญภัยอย่างแท้จริง สภาพสองฝั่งยังคงเป็นธรรมชาติที่คงสภาพดีเยี่ยมครับ นอกจากนี้ยังเหมาะแก่นักท่องเที่ยวที่ชอบกีฬา ตกปลาอีกด้วย ระยะทางจากตัวอำเภอทั้งทางรถยนต์รวมกับทางน้ำ ถึงบ้านสบเมย-อุมโล๊ะ ประมาณ 35 กิโลเมตรครับ



แม่น้ำปาย เป็นแม่น้ำที่ใหญ่และยาวที่สุดของจังหวัดแม่ฮ่องสอนครับ เกิดจากทิวเขาถนนธงชัยและทิวเขา แดนลาวในเขตอำเภอปาย แล้วไหลลงมาทางทิศใต้ ผ่านอำเภอแม่ฮ่องสอนไปประจบกับแม่น้ำ สาละวิน (แม่น้ำคง) ในเขตรัฐคะยา ประเทศพม่า มีควายาว 180 กิโลเมตร กว้างประมาณ 30 เมตร และลึกประมาณ 7 เมตร ท้องน้ำมีลักษณะเป็นกรวดทรายและในฤดูแล้งน้ำลึกประมาณ 1 เมตร

กลับสู่ด้านบน


06 กรกฎาคม, 2552

งาน ประเพณีตักบาตรดอกไม้

ขอเชิญร่วมงาน ประเพณีตักบาตรดอกไม้
วันที่ 6 – 8 กรกฎาคม 2552 ณ วัดพระพุทธบาทราชวรมหาวิหาร อ.พระพุทธบาท จ.สระบุรี



รายละเอียด

ขอเชิญร่วมงาน ประเพณีตักบาตรดอกไม้
วันที่ 6 – 8 กรกฎาคม 2552 ณ วัดพระพุทธบาทราชวรมหาวิหาร อ.พระพุทธบาท จ.สระบุรี



ประเพณี ตักบาตรดอกไม้ วัดพระพุทะบาทราชวรมหาวิหาร ททท. สำนักงานลพบุรี ขอเชิญร่วมงานประเพณีตักบาตรดอกไม้ ประจำปี 2552 ระหว่างวันที่ 6 – 8 กรกฎาคม 2552 ณ วัดพระพุทธบาทราชวรมหาวิหาร อ.พระพุทธบาท จ.สระบุรี

จากเรื่องเล่าเกี่ยวกับวัดพระพุทธบาทฯในอดีต ยามหน้าแล้งกลางเดือนสาม เดือนสี่ ผู้คนจากทั่วสารทิศ จะพากันหลั่งไหลไปนมัสการรอยพระพุทธบาท กันเนืองแน่น ปัจจุบันคือวัดพระพุทธบาท อำเภอพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี สมัยนั้นการขึ้นไปมิใช่เรื่องง่าย ต้องหยุดการทำงานต่าง ๆ เพื่อเตรียมสัมภาระ จัดหาทุนรอนค่าอาหาร ค่าจ้างช้างม้าเรือแพ การเดินทางยากลำบาก ทั้งชีวิตบางคนอาจมีบุญไปกราบได้เพียงครั้งเดียว บางคนไม่มีโอกาส แม้จะมีความตั้งใจสูงเพียงใด ประกอบกับแต่ก่อน ผู้คนมักจะไปนมัสการรอยพระพุทธบาท กันเป็นหมู่ใหญ่ ทั้งหมดล้วนแล้วมีความตั้งใจ ประกอบกับความเชื่อที่ว่า ถ้าได้ไปกราบนมัสการรอยพระพุทธบาท ถึง 3 ครั้งในชีวิต จะได้ขึ้นสวรรค์ ดังนั้น ทุกคนจึงเพียรพยายามอย่างยิ่ง และเมื่อไปถึงได้กราบรอยพระพุทธบาท ต่างตั้งจิตอธิฐานตามใจ ปารถนา หลังจากนั้นประชาชนทั้งหลายจะตีระฆังที่แขวนเรียงรายไว้ ด้วยหวังประกาศบุญให้เทพยาดาทุกชั้นได้อนุโมทนา ปัจจุบันนอกเหนือจากเดือนสาม เดือนสี่แล้ว ยังมีวันเข้าพรรษาอีกหนึ่งวัน ที่ผู้คนจากทั่วสารทิศเดินทางมานมัสการรอยพระพุทธบาท



นายวัฒนพงษ์ โพธิ์นิ่มแดง ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยสำนักงานลพบุรี เปิดเผยว่า การตักบาตรดอกไม้ เป็นประเพณีที่เป็นเอกลักษณ์สำคัญ ของชาวจังหวัดสระบุรี ถือเอาวันเข้าพรรษา ในวันแรมค่ำ เดือนแปดของทุกปี จะมีประชาชนจากทุกสารทิศ พากันไปทำบุญตักบาตร เนื่องในวันเข้าพรรษาที่วัดพระพุทธบาท ราชวรมหาวิหาร ตำบลขุนโขลน อำเภอพระพุทธบาท เมื่อเสร็จจากการทำบุญ ตักบาตรในตอนเช้าแล้ว ก็จะพากันนำดอกไม้ชนิดหนึ่ง คล้ายต้นกระชาย หรือต้นขมิ้น มีหลายสี เช่น สีเหลือง สีขาว เรียกกันว่า ดอกเข้าพรรษา (ดอกไม้นี้จะพบในช่วงเข้าพรรษา) มารอใส่บาตรพระสงฆ์ ซึ่งพระภิกษุทั้งวัด เดินจะออกจากศาลาการเปรียญมารับดอกไม้จากพุทธศาสนิกชนที่รอนำดอกไม้ใส่บาตร เพื่อนำขึ้นไปสักการะรอยพระพุทธบาท ที่ประดิษฐานบนพระมณฑป ซึ่งรอยพระพุทธบาท ภายในวัดพระพุทธบาทราชวรมหาวิหาร แห่งนี้ เป็นที่เคารพและศรัทราของพุธทสาสนิกชนทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ โดยมีความเชื่อในคติชาวลังกาว่า พระพุทธเจ้าได้ประทับรอยพระพุทธบาทไว้ 5 แห่ง และรอยพระพุทธบาทที่วัดพระพุทธบาทฯ แห่งนี้ เป็น1 ใน 5 แห่ง หลังจากพระสงฆ์เข้านมัสการ รอยพระพุทธบาทที่มณฑปแล้ว ก่อนที่จะเข้าพระอุโบสถ จะผ่านพุทธศาสนิกชนที่เฝ้ารออยู่ตรงบันไดนาคเพื่อที่จะร่วมกันล้างเท้าพระ ภิกษุสงฆ์ ซึ่งการกระทำดังกล่าว ถือเป็นการชำระกิเลส ชำระบาป เพื่อจะได้บุญกุศล และความสุขทางจิตใจติดตัวกลับไป

และสำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางในช่วงวันเวลาดังกล่าว ททท.สำนักงานลพบุรี ขอแนะนำ เส้นทางท่องเที่ยว ไหว้พระ ๙ วัด สุขใจใกล้กรุง ซึ่งเป็นเส้นทางท่องเที่ยวเชิงศาสนาและวัฒนธรรม ที่นักท่องเที่ยวสามารถแวะเยี่ยมเยือนได้ อาทิ
1.สักการะหลวงพ่อดำ หรือหลวงพ่อศรีพุทธมงคลมุณี พร้อมศาลเจ้าแม่ตะเคียนทอง ตำนานบ้านเสาร้องไห้ ต้นกำเนิดชื่ออำเภอเสาไห้ ณ วัดสูง อ.เสาไห้
2.วัดสมุหประดิษฐาราม สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ ๓ ภายในวัดมีพระอุโบสถเป็นที่ประดิษฐาน พระพุทธรูปลงรักปิดทองสมัยปางมารวิชัย ศิลปะสุโขทัย และชมภาพจิตรกรรมฝาผนังที่งดงาม
3.วัดพระเยาว์ พระพุทธรูปทองคำ ที่รอดพ้นจากการถูกเผาทำลายของพม่าที่ชาวบ้านให้ความ เลื่อมใส พร้อมแวะชมผ้าพื้นเมืองฝีมือกลุ่มสตรีท่อผ้าไทยวน ณ ศูนย์ทอผ้าวัดต้นตาล
4.วัดเขาแก้ววรวิหาร สักการะพระบรมสารีริกธาตุและพระธาตุสาวก ที่สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้า ทรงธรรม และทรงสถาปนาให้เป็นพระอารามหลวง จากนั้นชม วีถีชีวิตและเรื่องราวของชาวไทยวน กับอาจารย์ทรงชัย วรรณกุล ที่ยังคงรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีไว้อย่างเหนียวแน่น ณ ศูนย์วัฒนธรรมพื้นบ้านชาวไทยวง
5.วัดเขาวง (ถ้ำนารายณ์) สถานที่ซึ่งเคยเป็นที่พักแรมของกษัตริย์ถึง 2 พระองค์ คือ พระนารายณ์มหาราช และพระเจ้าทรงธรรม ภายในวัดค้นพบอักษรปัลวะ อักษรโบราณที่มีอายุกว่า 1,200 ปี และนมัสการพระพุทธรูปปางสมาธิ ภายในถ้ำ
6.นมัสการรอยพระพุทธบาทวัดพระพุทธบาทราชวรมหาวิหาร สถานที่จัดงานตักบาตรดอกไม้
7.วัดศาลาแดง นมัสการพระพุทธนิโรคันตรายชัยวัตน์จตุรทิศ เป็นพระพุทธรูปประจำทิศตะวันออก สร้างโดยกรมรักษาดินแดน ที่สร้างไว้เพียง 4 องค์ เพื่อประจำทั้ง 4 ทิศ เพื่อถวายความจงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช
8.ชมภาพจำหลักพระพุทธเจ้าแสดงธรรมเพื่อโปรดสรรพสัตว์ในโลก ในสมัยทวารวดี อายุกว่า 1,600 ปี ภายในวัดถ้ำพระโพธิสัตว์
9.สักการะพระพุทธฉาย (พระฉายา / เงา) ขององค์สัมมาสัมพุทธเจ้า และนมัสการรอยพระพุทธบาทเบื้องขวา ณ วัดพระพุทธฉาย


ขอขอบคุณข้อมูลจาก : การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
- ททท. สำนักงานลพบุรี โทร.036 – 422768 – 9
หรือ www.tat7.com Email : tatlobri@tat.or.th

05 กรกฎาคม, 2552

เที่ยวหน้าฝนที่เชียงราย




ขุนน้ำนางนอน
ตั้งอยู่ที่บ้านจ้อง ห่างจากอำเภอแม่สายไปทางทิศใต้ ตามทางหลวงหมายเลข 110 ไปประมาณ 7 กิโลเมตร แล้วแยกขวาเข้าไปอีก 2 กิโลเมตร เป็นแอ่งน้ำไหลจากบริเวณเชิงดอยจ้อง ซึ่งมี หลายถ้ำ น้ำในแอ่งจะเย็นมากครับ สภาพแวดล้อมร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ใหญ่น้อยครับ



บ่อน้ำร้อนธรรมชาติ ตั้งอยู่ที่ตำบลแม่เจดีย์ใหม่ ถนนสายเชียงราย-เชียงใหม่ จะมีบ่อน้ำร้อน 2 บ่อ ในบริเวณ มีชาวบ้านนำไข่มาขาย เพื่อให้นักท่องเที่ยวทดสอบต้มในบ่อน้ำร้อนด้วยครับ

เวียงกาหลง ห่างจากที่ว่าการอำเภอเวียงป่าเป้าประมาณ ๑๖ กิโลเมตร และจากถนนสายเชียงราย-เชียงใหม่ ๓ กิโลเมตร ในบริเวณเวียงกาหลงนี้มีซากเตาทำเครื่องถ้วยชามอยู่หลายแห่งเรียกว่า "เตากาหลง" ขณะนี้บริเวณเวียง กาหลงปรับปรุงเรียบร้อยแล้ว สามารถเดินทางไปท่องเที่ยวได้โดยใช้เส้นทางแม่สรวย-เวียงป่าเป้า-ดอย สะเก็ดครับ

ล่องแก่งแม่กก ท่าตอน-เชียงราย บ้านท่าตอนตั้งอยู่ริมแม่น้ำกก เหนือขึ้นไปจากอำเภอฝาง ๒๔ กิโลเมตร มีเรือหางยาว บริการถึงเชียงรายทุกวัน ทั้งเรือโดยสารและเช่าเหมา ใช้เวลาประมาณ ๔ ชั่วโมง หากต้องการล่องแพจะ ใช้เวลาประมาณ ๓ วัน ๒ คืน ต้องสั่งจองล่วงหน้า ๑๕ วัน โดยติดต่อพร้อมส่งธนาณัติถึง ผู้ใหญ่เต้ง แก้วประเพณี บ้านท่าตอน อำเภอแม่อาย เชียงใหม่ ๕๐๒๘๐ ร้านจันทร์เกษม (ริมน้ำกก) บ้านท่าตอน อำเภอแม่อาย เชียงใหม่ ๕๐๒๘๐ คุณตาบทิพย์ วรรณรัตน์ บ้านท่าตอน อำเภอแม่อาย เชียงใหม่ ๕๐๒๘๐ โทร. (๐๕๓) ๔๕๙๓๑๒



อุทยานแห่งชาติดอยหลวง มีพื้นที่ครอบคลุมอยู่ในท้องที่อำเภอแม่สรวย อำเภอพาน อำเภอเวียงป่าเป้า จังหวัดเชียงราย อำเภอวังเหนือ จังหวัดลำปาง และอำเภอแม่ใจ อำเภอเมือง จังหวัดพะเยา มีเนื้อที่ประมาณ ๑,๑๗๐ ตารางกิโลเมตร หรือ ๗๒๑,๒๕๐ ไร่ สภาพภูมิประเทศเป็นเขาสูงทอดตัวแนวเหนือ-ใต้ มีดอยหลวงเป็นยอดเขาที่สูงที่สุด ประกอบ ด้วยป่าเบญจพรรณ ป่าดิบชื้น และป่าเต็งรังปะปนกัน มีสัตว์ป่าและนกหลายชนิด การเดินทางใช้เส้นทางสาย เชียงราย-พะเยา ไป ๕๘ กิโลเมตร ถึงบ้านปูแกง บริเวณ กม. ที่๗๗๓ เลี้ยวขวาอีก ๙ กิโลเมตร ถึงที่ทำการ อุทยานฯ สถานที่ท่องเที่ยวซึ่งอยู่ใกล้ที่ทำการอุทยานฯ ได้แก่ น้ำตกปูแกง เป็นน้ำตกขนาดใหญ่แห่งหนึ่งใน จังหวัดเชียงราย น้ำไหลจากภูเขาสูงสลับซับซ้อนก่อให้เกิดชั้นน้ำตกที่สวยงามถึง ๙ ชั้น บริเวณน้ำตกมีการ ทับถมของหินปูนที่ปนมากับน้ำ ทำให้เกิดหินงอกหินย้อยมากมายบริเวณน้ำตก สวยงามมากทีเดียวครับ

กลับสู่ด้านบน




ททท. จัดทำหนังสือคู่มือท่องเที่ยว 12 เดือน 7 ดาว 9 ตะวัน

ททท. จัดทำหนังสือคู่มือท่องเที่ยว 12 เดือน 7 ดาว 9 ตะวัน


การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จัดทำหนังสือ 12 เดือน 7 ดาว 9 ตะวัน มหัศจรรย์เมืองไทยต้องไปสัมผัส คูมือเดินทางท่องเที่ยวที่จะพาไปสัมผัสกับความมหัศจรรย์ของแหล่งท่องเที่ยวทั่วเมืองไทย ซึ่งถูกคัดสรรมาแล้วว่า น่าดูที่สุด สวยที่สุด ในแต่ละเดือน รวมทั้งความมหัศจรรย์ของธรรมชาติทั้งตอนกลางวันและยามค่ำคืน

หนังสือ 12 เดือน 7 ดาว 9 ตะวัน มหัศจรรย์เมืองไทยต้องไปสัมผัส ได้นำมาแจกในงานเทศกาลเที่ยวเมืองไทย 2552 ท่านใดที่พลาดโอกาส สามารถดาวน์โหลดได้ที่นี่


คลิกเพื่อดาวน์โหลดหนังสือ 12 เดือน 7 ดาว 9 ตะวันในรูปแบบไฟล์ pdf (ขนาด 48.2 Mb)