อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพีเป็นพื้นที่ส่วนหนึ่งของจังหวัดกระบี่ ครอบคลุมพื้นที่ หาดนพรัตน์ธารา สุสานหอย 75 ล้านปี หมู่เกาะปอดะ เกาะหินแดง และหมู่เกาะพีพี รวมมีเนื้อที่ประมาณ 389.96 กิโลเมตร (243,725 ไร่) เป็นพื้นน้ำประมาณ 203,725 ไร่ (ร้อยละ 83 ของพื้นที่ทั้งหมด) อยู่ในท้องที่ตำบลหนองทะเล ตำบลอ่าวนาง ตำบลไสไทย และตำบลปากน้ำ อำเภอเมืองกระบี่
จังหวัดกระบี่ ได้รับการประกาศจัดตั้งเป็นอุทยานแห่งชาติในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 100 ตอนที่ 160 ลงวันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2526 บริเวณหมู่เกาะพีพี ส่วนใหญ่เป็นเกาะที่เป็นภูเขาหินและหน้าผาสูงชัน มีต้นไม้ปกคลุมขึ้นตามซอกหิน
ไม้ที่ขึ้นเป็นไม้ขนาดเล็กและแคระแกร็น ใต้ท้องทะเลบริเวณหน้าผาจะมีปะการังที่สวยงาม
พรรณไม้ในเขตอุทยานแห่งชาติมี 3 ประเภท คือ
(1)
ป่าดงดิบชื้น ปรากฎพบบริเวณที่เป็นภูเขาสูงชัน บริเวณเขาหางนาค บริเวณเขาอ่าวนาง บริเวณทิศตะวันตก ของเกาะพีพีดอน และบริเวณเกาะพีพีส่วนใหญ่
(2)
ป่าชายเลน มี อยู่ในบริเวณคลองแห้ง ใกล้ที่ทำการอุทยานแห่งชาติทางด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเขาหางนาค และบริเวณคลองย่านสะบ้า ด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือของบริเวณสุลานหอย 75 ล้านปี
(3)
ป่าพรุ เป็นสังคมพืชเด่นที่พบต้นเสม็ดขึ้น อยู่อย่างหนาแน่นสมบูรณ์ ปรากฏอยู่เฉพาะบริเวณหาดนพรัตน์ธารา เป็นบริเวณแคบๆ ประมาณ 0.32 ตารางกิโลเมตร ตามสภาพภูมิอากาศและสังคมพืชที่เกิดขึ้นในอุทยานแห่งชาติ ทำให้เป็นถิ่นที่อยู่อาศัยที่เหมาะสมแก่สัตว์บางประเภท ได้แก่ นกโจรสลัด เหยี่ยวแดง นกออก นกนางแอ่นกินรัง หมูป่า ลิง และค่าง ฯลฯ
แหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี มีสิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติ เป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางไม่เฉพาะแต่ในประเทศไทยเท่านั้น คือ หลักฐานทางธรณีที่เป็นซากดึกดำบรรพ์ของหอยน้ำจืดชนิดต่างๆ ส่วนใหญ่เป็นหอยขม มีขนาดยาวประมาณ 2 เซนติเมตร ซากหอยเหล่านี้ได้ทับถมกัน โดยมีน้ำประสานธาตุปูนจับตัวให้กลายเป็นหินแข็งทับอยู่บนชั้นหินลิกไนท์ และหินดินดาน ประมาณว่าเกิดขึ้น เมื่อ 75 ล้านปีมาแล้ว จึงเรียกว่า สุสานหอย 75 ล้านปี
อยู่บริเวณชายทะเลบ้านแหลมโพธิ์ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของพื้นที่อุทยาน แห่งชาติ ซากดึกดำบรรพ์ของหอยโบราณในลักษณะนี้สำรวจพบอีก 2 แห่งเท่านั้น คือ ที่รัฐชิคาโก สหรัฐอเมริกา และที่ประเทศญี่ปุ่น แหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจของอุทยานแห่งชาติแห่งอื่นได้แก่
หาดนพรัตน์ธารา เดิมชาวบ้านเรียกว่า หาดคลองแห้ง ทั้งนี้เพราะเมื่อน้ำลง น้ำคลองที่ไหลมาจากภูเขาทางด้านเหนือ
จะแห้งขอดกลายเป็นหาดทรายยาวเหยียดทอดลงไปในทะเลบรรจบกับเกาะเขาปากคลอง
อ่าวนาง 1มี ทิวทัศน์โดยรอบสวยงามแปลกตากว่าหาดอื่นๆ เพราะด้านหนึ่งของหาดทรายเป็นภูเขาและมีถ้ำหินงอกหินย้อย คือ ถ้ำพระนาง และสถานที่น่าสนใจในบริเวณเดียวกันนี้
ได้แก่ สระพระนาง หาดไร่เล เป็นต้น
นอก จากความสวยงามตามธรรมชาติแล้ว บริเวณอ่าวนาง ยังเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยว ทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ ผู้มีกีฬาปีนเขาอยู่ในหัวใจนิยมมาปีนหน้าผาบริเวณ
"หาดไร่เล" ซึ่งนิตยสาร Outside Travel Guide ฉบับ Y2K Annual ประจำงวด 1999/2000 ของสหรัฐอเมริกานำภาพเกมปีนหน้าผา ขึ้นปก พร้อมกับแนะนำว่าเป็นสถานที่อีกแห่งหนึ่งซึ่งนักท่องเที่ยวผู้นิยมกีฬาปีนเขาควรให้ความสนใจ
หมู่เกาะปอดะอยู่ ทางทิศใต้ของอ่าวพระนาง เมื่อมองจากฝั่งจะเห็นหาดทรายขาวแต่ไกล บริเวณชายฝั่ง จะมีแนวปะการังหลากชนิด ประกอบกับความใสสะอาดของน้ำทะเล
จึงเป็นแหล่งดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เที่ยวชมได้เกือบตลอดปี อยู่ห่างจาก ชายฝั่งประมาณ 8 กิโลเมตร จึงได้รับอิทธิพลจากลมมรสุมไม่มากนัก ทั้งเป็นแหล่งตกปลาที่น่าสนใจอีกด้วย
หมู่เกาะพีพีจาก คำบอกเล่า เดิมชาวทะเลเรียกหมู่เกาะนี้ว่า ปูเลาปิอาปี คำว่า ปูเลา แปลว่า เกาะ คำว่า ปิอาปี แปลว่า ต้นไม้ทะเลชนิดหนึ่งจำพวกแสม ต่อมาเรียกว่า ต้นปีปี ภายหลังกลายเสียงเป็น พีพี หมู่เกาะพีพีประกอบด้วยเกาะ 6 เกาะ คือ เกาะพีพีดอน เกาะพีพีเล เกาะปิด๊ะนอก เกาะปิด๊ะใน เกาะยูง เกาะไม้ไผ่ อยู่ห่างจากชายฝั่งกระบี่ประมาณ 42 กิโลเมตร ลักษณะโดยทั่วไปเป็นเวิ้งอ่าวรูปครึ่งวงกลม อยู่ในวงล้อมของภูเขาหินปูนที่สูงชันจนเกือบเป็นทะเลใน หรือที่ชาวเกาะเรียกว่า ปิเละ จุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจของหมู่เกาะพีพีมีดังนี้
เกาะไม้ไผ่ ตั้ง อยู่ทางตอนเหนือของเกาะพีพีดอนไม่ไกลจากเกาะยูงเท่าใดนัก ด้านทิศเหนือและ ทิศตะวันออก มีหาดทรายสวยงามและแนวปะการัง ซึ่งส่วนมากเป็นแนวปะการังเขากวางทอดยาวไปถึงทางทิศใต้ของตัวเกาะ
เกาะยูง ตั้ง อยู่ทางตอนเหนือของเกาะพีพีดอน มีชายหาดซึ่งเป็นหาดหินอยู่ทางด้านทิศตะวันออก และมีหาดทรายเล็กน้อยตามหลืบเขา นอกจากนี้ยังมีแนวปะการังสวยงามชนิดต่างๆ ที่ยังคงอยู่ในสภาพสมบูรณ์
เกาะพีพีเล มี พื้นที่เพียง 6.6 ตารางกิโลเมตร เป็นเกาะเขาหินปูน มีหน้าผาสูงชันตั้งฉากกับพื้นผิวทะเล โดยรอบเกือบทั้งเกาะ มีพื้นน้ำลึกเฉลี่ยประมาณ 20 เมตร เกาะแห่งนี้มีเวิ้งอ่าวสวยงาม อาทิ อ่าวปิเละ อ่าวมาหยา อ่าวโละซะมะ นอกจากนี้ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือยังมี ถ้ำไวกิ้ง ซึ่งเมื่อปี พ.ศ. 2515 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เสด็จประพาสถ้ำแห่งนี้ และทรงพระราชทานนามใหม่ว่า ถ้ำพญานาค ตามรูปร่างหินก้อนหนึ่งที่คล้ายเศียรพญานาค อันเป็นที่เคารพสักการะของชาวบ้านที่เก็บรังนกนางแอ่นบนเกาะแห่งนี้ ภายในถ้ำทางทิศตะวันออกและทิศใต้พบภาพเขียนสีสมัยประวัติศาสตร์ เป็นรูปช้าง และรูปเรือชนิดต่างๆ
เกาะพีพีดอน มี เนื้อที่ประมาณ 28 ตารางกิโลเมตร ทางเหนือของเกาะคือ แหลมตง เป็นที่ตั้งของ หมู่บ้านชาวเล ประมาณ 15-20 ครอบครัว ส่วนใหญ่อพยพมาจากเกาะลิเป๊ะ จังหวัดสตูล บริเวณแหลมตงนี้ธรรมชาติใต้ทะเลสวยงามมาก เหมาะแก่การดำน้ำเช่นเดียวกันกับที่บริเวณปลายแหลมหัวระเกด หาดยาว และหินแพ นอกจากนี้ยังมีเวิ้งอ่าวคู่ที่มีความสวยงาม ติดอันดับโลกของอ่าวต้นไทร และอ่าวโละดาลัม ซึ่งเป็นที่ตั้งของสถานที่พักจำนวนมาก บริการแก่นักท่องเที่ยวทั่วไป
ข้อมูลทั่วไปกิจกรรมการท่องเที่ยว ในเขตอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี มีหลายประเภททั้งสามารถนั่งเรือชมทิวทัศน์ที่เต็มไปด้วย เกาะน้อยใหญ่ และศึกษาสภาพธรรมชาติของป่าชายเลน ว่ายน้ำ ดำดูปะการังทั้งบนผิวน้ำและดำน้ำลึก นั่งเล่นพักผ่อนตามชายหาด ตลอดจนเดินป่าดูพรรณไม้และนกชนิดต่างๆ ดังนั้นการศึกษาถึงสภาพธรรมชาติและสภาพแวดล้อมของอุทยานแห่งชาติ ก่อนที่จะเดินทางจึงเป็นความจำเป็นอย่างยิ่ง ด้วยในช่วงเดือนเมษายนถึงตุลาคม จะได้รับอิทธิพลจากลมมรสุมทำให้มีฝนตกชุก ช่วงที่เดินทางปลอดภัยอยู่ระหว่างเดือนมกราคมถึงเมษายน การเดินทางสู่อุทยานแห่งชาติจึงจำเป็นต้องมีการเตรียมตัวล่วงหน้าแต่เนิ่นๆ การท่องเที่ยวไปในอุทยานแห่งชาติ ส่วนใหญ่ใช้เรือเป็นพาหนะ การเตรียมตัวนอกเหนือไปจากเสื้อผ้านุ่งห่มที่คล่องตัวแล้ว จะต้องมีการเตรียมยาที่จำเป็น เช่น ยาแก้แพ้กันอาการเมาคลื่น นอกจากนี้แดดในท้องทะเลนั้นร้อนจัด สิ่งที่จะต้องจัดหาอีกอย่างคือ ครีมทาผิวกันผิวไหม้ สำหรับผู้ที่ว่ายน้ำไม่เป็นหรือไม่เก่งนักควรจัดหาชูชีพติดตัวไปด้วย เสื้อชูชีพนี้จะช่วยให้มีโอกาสดำผิวน้ำ ดูโลกใต้ทะเลอันสวยงามได้อีกด้วย
ในการประกอบกิจกรรมนันทนาการในเขตอุทยานแห่งชาติเหล่านี้ให้กระทำได้ เฉพาะในเขตหรือบริเวณที่เจ้าหน้าที่กำหนดไว้เท่านั้น ไม่ควรกระทำ หรือส่งเสียงอื้อฉาวรบกวนคนหรือสัตว์ ไม่เดินออกนอกเส้นทางที่เจ้าหน้าที่จัดทำไว้ และปฏิบัติตนตามที่เจ้าหน้าที่กำหนด หรือตามที่เจ้าหน้าที่ได้ ทำเครื่องหมายไว้ สำหรับผู้ที่ไปกางเต็นท์พักแรมจะต้อง เตรียมเครื่องนอนและอุปกรณ์ในการพักแรมไปเอง และต้องเก็บและทำความสะอาด ที่พักให้เรียบร้อยเมื่อเลิกใช้แล้ว การก่อไฟ จะต้องไม่เก็บหรือตัดกิ่งไม้ยืนต้นมาใช้และต้องระมัดระวังมิให้ไฟลุกลามไป ยังที่อื่น ต้องดับไฟให้ สนิททุกครั้งที่เลิกใช้ และสำหรับผู้ที่พิศมัยในการดำน้ำดูปะการังจะต้องเตรียมอุปกรณ์ไปเอง
การเดินทางการ เดินทางสู่อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี ต้องอาศัยเส้นทางทั้งทางบกและทางน้ำ โดยถ้าต้องการเดินทาง สู่บริเวณสุสานหอย อ่าวพระนาง และหาดนพรัตน์ธารา สามารถไปได้โดยทางรถยนต์สายตัวเมืองกระบี่-อ่าวนาง ซึ่งออกจากอำเภอเมือง ไปเพียง 18 กิโลเมตร ก็จะถึงหาดนพรัตน์ธารา แล้วใช้ถนนเลียบชายหาดที่เชื่อมระหว่างหาดนพรัตน์ธาราและหาดบ้านอ่าวนางไป ทางทิศใต้ ระยะทางประมาณ 6 กิโลเมตร สำหรับการไปชมอ่าวพระนางต้องนั่งเรือไปโดยใช้เวลาประมาณ 20 นาที และจากหาดนพรัตน์ธารา มีทางแยกไปสุสานหอย ระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร สำหรับการเดินทางไปหมู่เกาะพีพีหรือในส่วนที่เป็นเกาะนั้น ต้องใช้เรือยนต์ ซึ่งจะติดต่อเช่าได้ที่ท่าเรือเจ้าฟ้า จังหวัดกระบี่ หรือที่หาดนพรัตน์ธารา หรือสามารถเดินทางจากจังหวัดภูเก็ตด้วยการโดยสารเรือ ระยะทางประมาณ 40 กิโลเมตร เช่นกัน และบริเวณเกาะพีพีดอนจะมีบริการอาหาร ที่พัก และกิจกรรมนันทนาการของเอกชนเท่านั้น ส่วนบริเวณหาดนพรัตน์ธาราซึ่งอยู่บนฝั่ง อุทยานฯ ได้จัดที่พักไว้สำหรับบริการนักท่องเที่ยว หรือหากท่านประสงค์จะนำเต็นท์มากางเอง ก็จะเสียค่าธรรมเนียมเพียงเล็กน้อย
หาก ต้องการรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อสอบถามได้ที่อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา -หมู่เกาะพีพี หมู่ที่ 5 ตำบลอ่าวนาง อำเภอเมือง จังหวัดกระบี่ 81000 หรือส่วนอุทยานแห่งชาติทางทะเล สำนักอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ กรมป่าไม้ จตุจักร กรุงเทพฯ 10900 โทร. (02) 5612918-21
อุทยานแห่งชาติเขาพนมเบญจา เป็นอุทยานฯ ทางบกแห่งเดียวของจังหวัดกระบี่ มีเนื้อที่ 31,325 ไร่ ครอบคลุมพื้นที่อำเภอเมือง อำเภออ่าวลึก และอำเภอเขาพนม มีสภาพป่าอุดมสมบูรณ์ ประกอบด้วยเทือกเขาสูงสลับซับซ้อนในแนวเหนือจรดใต้ มียอดเขาพนมเบญจาซึ่งสูง 1,397 เมตร จากระดับน้ำทะเลสูงที่สุดในกระบี่ มีทิวทัศน์ธรรมชาติสวยงามทั้งลำธาร น้ำตก ถ้ำ และมีสัตว์ป่านานาชนิด เช่น สมเสร็จ เลียงผา หมีควาย เสือปลา มีนกที่สามารถพบเห็นกว่า 218 ชนิด เช่น นกอินทรี นกเงือก นกหัวขวาน เป็นต้น
สถานที่ท่องเที่ยวภายในอุทยาน ฯ ได้แก่ น้ำตกห้วยโต้ ต้นกำเนิดจากเขาพนมเบญจา มี 5 ชั้น คือ วังสามหาบ วังจงลอย วังดอยปรง วังเทวดา และวังโตนพริ้ว สายน้ำของน้ำตกห้วยโต้ไหลมารวมกันที่คลองกระบี่ใหญ่ อำเภอเมือง จังหวัดกระบี่
น้ำตกห้วยสะเด อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ ประมาณ 300 เมตร เป็นน้ำตกจากหน้าผาสูง มี 3 ชั้น มีแอ่งน้ำใสสะอาด น้ำตกสายนี้ไหลมารวมกันที่คลองโตนและไหลลงสู่คลองกระบี่ใหญ่
การเดินขึ้นยอดเขาพนมเบญจา เป็นอีกกิจกรรมของอุทยานฯ ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถจะเดินขึ้นได้ 2 เส้นทาง คือ
เส้นทางแรก ใช้เวลาในการเดินทาง 4 วัน 3 คืน โดยการเริ่มต้นจากน้ำตกห้วยโต้ ซึ่งอยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ 300 เมตร นักท่องเที่ยวจะต้องปีนข้ามน้ำตกทั้ง 5 ชั้น ขึ้นไปชั้นบนสุดแล้วเดินต่อไปยังลำธาร เลี้ยวซ้ายทางต้นยางใหญ่พักค้างคืนที่เขาลูกช้าง 1 คืน รุ่งขึ้นจึงเดินต่อไปค้างคืนที่ควนน้ำค้างอีก 1 คืน จากนั้นเดินต่อไปจนถึงเชิงเขาพนม รุ่งเช้าอีกวันหนึ่งจึงเริ่มขึ้นยอดเขา พักค้างบนยอดเขาอีก 1 คืน
เส้นทางที่สอง เดินทางโดยรถยนต์ไปที่ฐานปฏิบัติการบางสร้าน ระยะทางประมาณ 60 กิโลเมตร เส้นทางนี้ใช้เวลาในการพักค้าง และเดินทาง 3 วัน 2 คืน โดยเดินจากฐานปฎิบัติการบางสร้านไปสู่ยอดเขาพนมเบญจา เป็นเวลา 1 วัน และพักค้างบนยอดเขาพนมเบญจา 1 คืน จากนั้นเดินลงจากยอดเขามาพักค้างคืนที่ควนน้ำค้างอีก 1 คืน และในวันรุ่งขึ้นเดินจากควนน้ำค้างลงมาที่ทำการอุทยานฯ
ทั้งสองเส้นทางนักท่องเที่ยวจะได้พบกับธรรมชาติที่สวยงามของพันธุ์ไม้ สัตว์ป่า ถ้ำ เพิงผา น้ำตก ธารน้ำ ทะเลหมอก จุดชมวิวที่สามารถมองเห็นตัวเมืองกระบี่ และอากาศที่เย็นสบายตลอดปี นักท่องเที่ยวที่สนใจควรสอบถามข้อมูลก่อนการเดินทาง
อุทยานฯ มีเต็นท์ให้บริการ สำหรับ 2-3 คน ราคาหลังละ 50 บาท/คืน/หลัง หรือจะนำเต็นท์มา เอง เสียค่าธรรมเนียม 30 บาท/คืน/หลัง รายละเอียดติดต่ออุทยานแห่งชาติเขาพนมเบญจา ตู้ ป.ณ.26 อำเภอเมือง จังหวัดกระบี่ 81000 โทร. 0 7662 9013 หรือ กองอุทยานแห่งชาติ กรมป่าไม้ โทร. 0 2579 7223, 0 2579 5734
การเดินทาง จากอำเภอเมืองกระบี่ ไปยังสามแยกบ้านตลาดเก่าตามถนนเพชรเกษม 1 กิโลเมตร แล้วเลี้ยวซ้ายตามเส้นทางตลาดเก่า-บ้านห้วยโต้ ระยะทาง 20 กิโลเมตร จะถึงที่ทำการอุทยานฯ
อุทยานแห่งชาติธารโบกขรณี มีพื้นที่ 121 ตารางกิโลเมตร ประกอบด้วยภูเขาหินปูน ป่าดิบ ป่าชายเลน และเกาะต่าง ๆ อุทยานฯ มีพันธุ์ไม้ที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นป่าดงดิบ ป่าพรุ ป่าชายหาด ป่าชายเลน รวมถึงสังคมพืชน้ำใต้ท้องทะเล ซึ่งผู้ที่สนใจสามารถเข้ามาศึกษาหาความรู้ได้ มีเส้นทางศึกษาธรรมชาติ 2 เส้นทาง คือ เส้นทางที่เดินภายในอุทยานฯ ระยะทาง 1 กิโลเมตร และ เส้นทางเดินจากอุทยานฯ ไปป่าชายเลน ระยะทาง 3-4 กิโลเมตร
ผู้สนใจเข้าชมอุทยานฯ จะเสียค่าเข้าอุทยานฯ ผู้ใหญ่ ชาวไทย 20 บาท ชาวต่างประเทศ 200 บาท เด็ก ชาวไทย 5 บาท ชาวต่างประเทศ 100 บาท อุทยานฯ ไม่มีบ้านพักให้บริการ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 0 7568 1071
สถานที่น่าสนใจในอุทยานฯ ได้แก่ ธารโบกขรณี อยู่บริเวณที่ทำการอุทยานฯ เดิมชื่อ ธารอโศก เพราะมีต้นอโศกขึ้นอยู่ริมธาร สภาพทั่วไปเป็นธารน้ำธรรมชาติไหลลงมายังแอ่งน้ำน้อยใหญ่ซึ่งอยู่ต่างระดับกัน รายรอบด้วยป่าไม้ร่มรื่น ด้านเหนือของธารโบกขรณี มีมณฑปพระพุทธบาทจำลองที่แกะสลักจากไม้ ประดิษฐานอยู่ใกล้กับศาลาบูชาเจ้าพ่อโต๊ะยวน-โต๊ะช่อง
ถ้ำลอดและ ถ้ำผีหัวโต อยู่ห่างจากอุทยานฯ ประมาณ 6 กิโลเมตร เดินทางไปทางอำเภออ่าวลึกตามถนนอ่าวลึก-แหลมสัก ประมาณ 2 กิโลเมตร แยกขวาไปยังท่าเรือบ่อท่อ แล้วลงเรือหางยาวรับจ้างไปตามลำคลองท่าปรัง ผ่านป่าชายเลนไปประมาณ 15 นาที ถ้ำลอด เป็นอุโมงค์ใต้เขาหินปูน บนเพดานถ้ำมีหินงอกและหินย้อยรูปร่างต่าง ๆ กัน ส่วน ถ้ำผีหัวโตหรือถ้ำหัวกะโหลก อยู่ห่างจากถ้ำลอดประมาณ 500 เมตร แต่เดิมภายในถ้ำเคยมีหัวกะโหลกมนุษย์ มีขนาดโตกว่าปกติจึงมีชื่อว่า “ถ้ำผีหัวโต” และบนผนังถ้ำยังปรากฎภาพเขียนสีก่อนสมัยประวัติศาสตร์จำนวนมาก อาทิ รูปคน รูปสัตว์ บนพื้นถ้ำมีเปลือกหอยทับถมกันอยู่เป็นจำนวนมาก นอกจากนั้นบริเวณนี้ยังสามารถพายเรือแคนูชมทิวทัศน์ป่าชายเลนที่สงบร่มรื่นได้ ค่าเช่าเรือแคนู 1,200 บาท/คน รวมอาหารกลางวัน โดยสามารถเช่าเรือได้จากบริเวณท่าเรือบ่อท่อ
ถ้ำชาวเล อยู่ทางด้านทิศตะวันตกของแหลมสัก ในเวิ้งอ่าวที่แวดล้อมด้วยธรรมชาติอันสวยงามของเกาะแก่งและภูผา ภายในถ้ำมีหินงอกหินย้อยและภาพเขียนสมัยก่อนประวัติศาสตร์เป็นรูปคน รูปสัตว์ และรูปทรงเรขาคณิตต่าง ๆ หลายภาพด้วยกัน สันนิษฐานว่าจะมีอายุอยู่ในช่วงหลังภาพเขียนที่ถ้ำผีหัวโต บริเวณถ้ำชาวเลสามารถพายเรือแคนูได้ สำหรับการไปเที่ยวชมสามารถโดยสารเรือประจำทางหรือเรือเช่าจากท่าเรือบ้านแหลมสัก ใช้เวลาเดินทางประมาณ 10-15 นาที
เกาะกาโรส อยู่ทางด้านตะวันออกของปลายแหลมสัก เป็นบริเวณที่สามารถพายเรือแคนูได้
เกาะแดง มีหาดทรายสวยงามยาว 25 เมตร มีถ้ำลอดกว้าง 70 เมตร สูง 20 เมตร เป็นบริเวณที่ดำน้ำดูปะการังได้
หมู่เกาะห้อง เป็นหมู่เกาะที่ประกอบด้วยเกาะน้อยใหญ่หลายเกาะ อาทิ เกาะเหลาหรือเกาะซากา เกาะเหลาเหรียม เกาะปากกะ เกาะเหลาลาดิง เป็นต้น โดยมีเกาะห้องหรือเกาะเหลาปิเละ เป็นเกาะทางตอนใต้ที่ใหญ่ที่สุด ลักษณะโดยทั่วไปเป็นเขาหินปูน น้ำทะเลใส หาดทรายขาว มีแนวปะการังทั้งน้ำตื้นและน้ำลึกเหมาะแก่การดำน้ำ ตกปลา บนเกาะห้อง มีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ ระยะทาง 400 เมตร รอบ ๆ เกาะห้องสามารถพายเรือแคนูได้ บนเกาะมีที่สำหรับกางเต็นท์ ค่าธรรมเนียมกางเต็นท์พักแรมบนเกาะคนละ 20 บาท โดยต้องนำเต็นท์มาเอง นักท่องเที่ยวที่จะขึ้นเกาะห้องจะต้องเสียค่าเข้าชมอุทยานฯ ผู้ใหญ่ คนไทย 20 บาท ชาวต่างประเทศ 200 บาท เด็ก คนไทย 10 บาท ชาวต่างประเทศ 100 บาท การไปเที่ยวชมสามารถเช่าเรือหางยาวจากอ่าวนาง ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง
การเดินทาง อุทยานฯ อยู่ห่างจากตัวเมืองกระบี่ 46 กิโลเมตร ตั้งอยู่ที่ธารโบกขรณี ตำบลอ่าวลึกใต้ ห่างจากสี่แยกตลาดอ่าวลึก มาตามถนนอ่าวลึก-แหลมสัก ประมาณ 1 กิโลเมตร หรือจากอำเภอเมือง สามารถนั่งรถสองแถวกระบี่-อ่าวลึกเหนือ-ใต้ ลงที่หน้าอุทยานฯ ได้
น้ำตกร้อนคลองท่อม ตั้งอยู่บริเวณบ้านบางคราม-บ้านบางเตียว อยู่ห่างจากอำเภอเมืองกระบี่ตามถนนเพชรเกษม (กระบี่-ตรัง) ประมาณ 45 กิโลเมตร จากนั้นแยกเข้าถนนสุขาภิบาล 2 ตรงที่ว่าการอำเภอคลองท่อม 12 กิโลเมตรครับ บริเวณโดยรอบ นอกจากจะมีน้ำตกร้อนแล้ว ยังมีบ่อน้ำร้อน ลานน้ำร้อน และเขานอจู้จี้ ซึ่งมีทัศนียภาพสวยงามมากครับ มียอดเขาสูงประมาณ 520 เมตร และเป็นต้นกำเนิดของน้ำที่เรียกว่า
"คลองท่อม" ด้วยครับ