Walking around Thailand,Nature-lovers trip,Information about tourism, สถานที่ท่องเที่ยวทั่วไทย,เที่ยวแบบคนรักธรรมชาติ,ข้อมูลต่างๆเกี่ยวกับการท่องเที่ยว,ท่องเที่ยว, ทัวร์, travel, travel guide, travel tips, travel packages, travel information, travel agency

07 กันยายน, 2552

เที่ยวไปใน 6 จังหวัดกับ 16 เส้นทางภาคเหนือ(2)

เส้นทางเลียบริมโขง เชียงราย-แม่สาย-เชียงของ-ภูชี้ฟ้า-พะเยา


  • วัดร่องขุ่น ชมพระอุโบสถประดับกระจกอันวิจิตรตระการตา และภาพจิตรกรรมฝาผนัง ภาพพระพุทธองค์หลังพระประธาน ซึ่งออกแบบโดยอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์
  • แม่สาย จุดเหนือสุดแดนสยาม ย่านการค้าชายแดนไทย-พม่า

  • สามเหลี่ยมทองคำ รอยต่อระหว่างไทย พม่า และลาว เป็นจุดที่ลำน้ำรวกมาบรรจบกับแม่น้ำโขง จนมีชื่อเรียกขานอีกว่า "สบรวก" หากมีเวลาแนะนำให้นั่งเรือเที่ยวชมสองฝั่งโขง
  • หอฝิ่นอุทยานสามเหลี่ยมทองคำ เป็นศูนย์นิทรรศการแสดงประวัติความเป็นมาคุณและโทษของฝิ่นในทุกแง่มุม เปิดทุกวันยกเว้นวันจันทร์ เวลา 08.30-16.00 น.

  • เมืองโบราณเชียงแสน เที่ยวชมโบราณสถานต่างๆ ภายในเขตเมืองเก่า เช่นวัดพระเจ้าลานทอง วัดเจดียืหลวง วัดป่าสัก พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเชียงแสน
  • วัดพระธาตุผาเงา นมัสการหลวงพ่อผาเงา ไหว้องค์พระธาตุผาเงาที่สร้างขึ้นบนก้อนหินขนาดใหญ่ และพระธาตุพุทธนิมิตเจดีย์ ชมทิวทัศน์สองฝั่งโขงจากยอดดอย

เส้นทางแม่ฟ้าหลวง เชียงราย-ดอยแม่สลอง-ดอยตุง-แม่สาย


  • ดอยแม่สลอง ชุมชนอดีตทหารจีนกองพล 93 แหล่งปลูกชาอูหลงชั้นเยี่ยมและอาหารจีนยูนานรสเลิศ ชมดอกซากุระบานเรียงรายสองข้างทางเข้าหมู่บ้านสันติคีรี ในช่วงเดือนธันวาคม-มกราคม บนเส้นทางสู่ดอยแม่สลองจะมีหมู่บ้านชาวเขาหลายแห่งให้แวะเข้าไปเที่ยว เช่น จีนฮ่อ อาข่า ลาหู่ เย้า ม้ง
  • พระธาตุเจดีย์ศรีนครินทราสถิตมหาสันติคีรี ตั้งอยู่บนยอดดอยแม่สลอง สร้างขึ้นโดยชาวดอยแม่สลองเพื่อถวายแด่สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี อยู่ห่างจากหมู่บ้านสันติคีรีประมาณ 4 กิโลเมตร
  • ดอยหัวแม่คำ หมู่บ้านชาวเขาหลายเผ่า มีทั้งเผ่าม้ง ลีซอ และอาข่าอยู่ร่วมกันมีดอกบัวตองบานสะพรั่งในช่วงเดือนพฟศจิกายน-ธันวาคม ชมงานปีใหม่ชาวเขาในช่วงเดือนธันวาคม-มกราคม
  • พระตำหนักดอยตุงและสวนแม่ฟ้าหลวง ตั้งอยู่ที่โครงการพัฒนาดอยตุง ชมพระตำหนักดอยตุง เรือนไม้ศิลปะล้านนากับบ้านปีกไม้แบบสวิส ชมสวนดอกไม้เมืองหนาวนานาชนิด หอพระราชวังสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี

  • พระธาตุดอยตุง นมัสการพระธาตุประจำปีกุน มีลักษณะเป็นเจดีย์ศิลปะล้านนาสององค์คู่กันภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ
  • ดอยช้างมูบ เป็นที่ตั้งของสวนรุกขชาติแม่ฟ้าหลวงแหล่งรวบรวมพันธุ์ไม้ประจำถิ่นหายาก โดยเฉพาะกุหลาบพันปีซึ่งจะออกดอกสวยงามในเดือนกุมพาพันธ์-มีนาคมของทุกปี

  • แม่สาย อำเภอเหนือสุดของประเทศไทย อยู่ติดกับจังหวัดท่าขี้เหล็กของพม่า แหล่งช็อปปิ้งยอดนิยม

เส้นทางน้ำพุร้อน เชียงใหม่-แจ้ซ้อน-ลำปาง


  • น้ำพุร้อนสันกำแพง อำเภอสันกำแพงอยู่ห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่ราว 34 กิโลเมตรมีบ่อน้ำแร่เป็นสระน้ำขนาดใหญ่ ห้องอาบน้ำแร่แบบมิดชิด และบ้านพักไว้บริการ
  • นั่งรถม้าชมเมืองลำปาง บนเส้นทางเลาะริมแม่น้ำวัง ผ่านตึกแถวเก่าร่วมสมัยในตัวเมือง เช่น หอนาฬิกา ตลาดอัศวิน สะพานรัษฎาภิเศก ชมบ้านเสานัก มีเส้นทางให้เลือกทั้งรอบเล็ก รอบใหญ่ และเช่าเหมารายชั่วโมง

  • ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย ห่างจากตัวเมืองลำปาง24 กิโลเมตร ริมถนนหมายเลข 11 (สายลำปาง-เชียงใหม่) ภายในศูนย์ฯ มีกิจกรรมมากมาย เช่น ชมการแสดงความสามารถช้าง การอาบน้ำช้าง บริการนั่งช้าง ชมสวนป่า และยังเป็นที่ตั้งของของสถาบันคชบาลแห่งชาติและโรงพยาบาลช้างอีกด้วย
  • พระธาตุลำปางหลวง พระธาตุประจำปีฉลู ชมปรากฏการณ์พระธาตุกลับห้วอันงดงาม ภายในซุ้มพระพุทธบาท และสิ่งน่าสนใจอื่น เช่น กุฏิพระแก้ว วิหารพระเจ้าศิลา

  • โรงงานเซรามิก จากลวดลายตราไก่ข้างถ้วยที่ชินตามากว่า 60 ปี ปัจจุบันลำปางกลายเป็นแหล่งโรงงานผลิตสินค้าเซรามิกคุณภาพสูงระดับโลก โรงงานบางแห่งเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมขั้นตอนการผลิตและมีร้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์เซรามิกให้เลือกซื้อ เช่น ถ้วย จาน แก้วน้ำ ฯลฯ
  • อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน ลำปางมีแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมสูงอยู่หลายแห่ง สามารถเดินทางมาท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี แต่ช่วงที่สวยที่สุดคือเดือนพฤศจิกายน-กุมภาพันธ์

  • บ่อน้ำร้อนแจ้ซ้อน เป็นแหล่งน้ำพุร้อน 9 บ่อ ในฤดูหนาวจะมีไอน้ำลอยกรุ่นขึ้นมาจำนวนมาก นักท่องเที่ยวนิยมนำไข่มาแช่ให้สุก นอกจากนี้ยังมีแอ่งน้ำอุ่น เกิดจากการผสมของน้ำพุร้อนกับน้ำเย็นที่มาจากน้ำตกแจ้ซ้อน อุณหภูมิเหมาะสมสำหรับการแช่อาบ มีห้องอาบน้ำแร่ทั้งแบบห้องรวม แบบตักอาบ และบ่อสำหรับแช่อาบกลางแจ้งไว้บริการ
  • น้ำตกแจ้ซ้อน อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ แจ้ซ้อนปรมาณ 1 กิโลเมตร มีลักษณะเป็นชั้นๆ 6 ชั้น มีน้ำตลอดทั้งปี มีเส้นทางเดินเท้าจากบ่อน้ำพุร้อนไปถึงน้ำตกได้

เส้นทางล้านนาตะวันออก น่าน-แพร่


  • วัดภูมินทร์ ตั้งอยู่ในบริเวณช่วงเมืองน่าน เป็ดวัดสำคัญที่สร้างด้วยศิลปะไทลื้อ มีจิตรกรรมฝาผนังที่สวยงามหาดูได้ยาก อยู่ภายในอุโบสถ เล่าถึงเรื่องราววิถีชีวิตชาวน่านในอดีตไว้อย่างน่าสนใจ
  • พระธาตุแช่แห้ง ตั้งอยู่ริมน้ำน่านเป็นปูชนียสถานคู่เมืองมากกว่า 600 ปี ตามความเชื่อของล้านนาเป็นพระธาตุประจำตัวผู้เกิดปีเถาะ

  • พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน ตั้งอยู่ริมเส้นทาง 101 ก่อนเข้าตัวเมืองน่านภายในจัดแสดงโบราณวัตถุของชาวพื้นเมืองภาคเหนือ และชาวเขาเผ่าต่างๆ สิ่งสำคัญที่สุดคือ "งาช้างดำ" วัตถุมงคลคู่เมืองมีให้ชมเพียงแห่งเดียวในประเทศไทย
  • เสาดินนาน้อย อยู่ห่างจากอำเภอนาน้อย 10 กิโลเมตร เป็นเนินดินที่ถูกน้ำกัดเซาะจนกลายเป็นแท่งดินรูปต่างๆ มีลักษณะคล้ายแพะเมืองผีที่จังหวัดแพร่ สันิษฐานว่ามีอายุกว่า 10,000 ปี

  • หมู่บ้านชาวประมงปากนาย ตั้งอยู่ตอนบนสุดของทะเลสาบสิริกิติ์ ห่างจากตัวเมือง 96 กิโลเมตร เป็นจุดชมทัศนียภาพของทะเลสาบเขื่อนสิริกิติ์ที่สวยงาม มีร้านอาหาร ที่พักแบบเรือนแพไว้ให้บริการนักท่องเที่ยว
  • ผาชู้ เป็นที่ตั้งของที่ทำการของอุทยานแห่งชาติศรีน่าน อยู่ห่างจากตัวเมืองราว 78 กิโลเมตร นับเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยงาม และเป็นที่ตั้งของสายธงชาติที่ยาวที่สุดในประเทศ ใกล้กันมีดอยเสมอดาวและผาหัวสิงห์ จุดชมแม่น้ำน่าน และสามารถชมพระอาทิตย์ขึ้นและตกได้ในจุดเดียว

  • พระธาตุช่อแฮ่ พระธาตุประจำตัวคนเกิดปีขาล อยู่ห่างจากตัวเมือง 9 กิโลเมตร เป็นปูชนียสถานคู่เมืองแพร่ ในช่วงเดือนมีนาคมของทุกปีจะมีงานนมัสการพระธาตุอย่างยิ่งใหญ่
  • วนอุทยานแพะเมืองผี ห่างจากตัวเมือง 18 กิโลเมตร ประติมากรรมธรรมชาติขนาดใหญ่ รูปร่างแปลกตา บนเนื้อที่ 500 ไร่

  • บ้านวงศ์บุรี เป็นบ้านโบราณของพระเจ้าพรหมเจ้าสุนันตาวงศ์บุรี ทายาทอดีตเจ้าเมืองแพร่ สร้างใน พ.ศ.2440 โดยช่างจากเมืองกวางตุ้ง เป็นบ้านแบบยุโรปประยุกต์
  • ตลาดหัวดง ห่างจากตัวเมืองแพร่ราว 7 กิโลเมตร เป็นแหล่งรวมผลิตภัณฑ์ที่ทำจากไม้และหวาย

เส้นทางเที่ยวเมืองน่าน น่าน


  • พระธาตุแช่แห้ง ตั้งอยู่ริมแม่น้ำน่านเป็นปูชนียสถานคู่เมืองมากว่า 600 ปี เชื่อกันว่าผู้ที่เกิดปีเถาะ หากมาไหว้พระธาตุแช่แห้งจะดีนักแล
  • วัดภูมินทร์ ตั้งอยู่บริเวณข่วงเมืองน่าน เป็นวัดสำคัญที่สร้างด้วยศิลปะไทลื้อมีจิตรกรรมฝาผนังที่หาดูได้ยากอยู่ภายในพระอุโบสถ เล่าถึงเรื่องราววิถีชีวิตชาวน่านในอดีตไว้อย่างน่าสนใจ
  • พิพิทธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน ตั้งอยู่ริมเส้นทาง 101 ก่อนเข้าตัวเมืองน่านภายในจัดแสดงโบราณวัตถุของชาวพื้นเมืองภาคเหนือ และชาวเขาเผ่าต่างๆ สิ่งสำคัญที่สุดคือ "งาช้างดำ" วตถุมงคลคู่เมืองมีให้ชมเพียงแห่งเดียวในประเทศไทย

  • หมู่บ้านไทลื้อบ้านหนองบัว อยู่ห่างจากตัวเมืองราว 55 กิโลเมตร เป็นหมู่บ้านทอผ้าพื้นเมืองลายน้ำไหลแหล่งใหญ่ที่สุดในจังหวัดน่าน หากมีเวลาแนนำให้ไปชมวิหารวัดหนองบัว ซึ่งจิตรกรรมฝาผนังที่มีเอกลักษณ์สวยงาม

  • ดอยภูคา ห่างจากเมืองน่านราว 85 กิโลเมตร เป็นที่ตั้งของอุทยานแห่งชาติดอยภูคา ยอดเขาที่สูงที่สุดของจังหวัดน่าน ชมพันธุ์ไม้หายากอย่างป่าเต่าร้างยักษ์ ก่วมภูคาและชมพูภูคา พันธุ์ไม้ประจำถิ่นที่พบเฉพาะดอยภูคาเท่านั้น ออกดอกสีชมพูสวยงามปีละครั้งในช่วงเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม
  • บ่อเกลือ เป็นแหล่งผลิตเกลือสินเธาว์ที่สำคัญแห่งหนึ่งของประเทศไทย ที่ยังคงสืบทอดกรรมวิธีการผลิตแบบโบราณมาจวบจนทุกวันนี้

  • ล่องแก่งน้ำว้าต่อนล่าง น้ำว้าเป็นต้นน้ำสายหนึ่งของแม่น้ำน่าน สามารถล่องแก่งได้เป็นช่วงๆ ไม่อันตรายจนเกินไป โดยใช้เวลาล่องแก่งทั้งสิ้นราว 4-5 ชั่วโมง ช่วงเวลาที่เหมาะแก่การล่อง คือเดือนพฤศจิกายน-มกราคมของทุกปี

06 กันยายน, 2552

เที่ยวไปใน 6 จังหวัดกับ 16 เส้นทางภาคเหนือ






ภาคเหนือดินแดนแห่งขุนเขาและสายหมอก มีความหลากหลายทั้งธรรมชาติ ประเพณี ศิลปวัฒนธรรม รวมไปถึงการท่องเที่ยงเชิงผจญภัย

การขับรถท่องเที่ยวไปบนเส้นทางภาคเหนือนั้น ต้องใช้ความระมัดระวังและใช้ความตั้งใจสูง เพราะเส้นทางสายนี้ต้องขับไปบนสันเขาที่คดโค้งและสูงชัน สุดยอยของถนนสายงามและคดเคี้ยวที่มีโค้งมากกว่า 1,000 โค้งอยู่ที่ภาคนี้ถึง 2 เส้นทาง ได้แก่ เส้นทางจากจังหวัดเชียงใหม่ไปจังหวัดแม่ฮ่องสอน และเส้นทางจากแม่สอดไปอำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก



เส้นทางสายหมอกดอกไม้ เชียงใหม่-เชียงดาว-ฝาง


  • สถานีเกษตรหลวงดอยอ่างขาง แหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรที่สะพรั่งไปด้วยแปลงดอกไม้เมืองหนาวหลายชนิด พร้อมแปลงสาธิตการปลูกพืชผักเมืองหนาว

  • บ้านขอบด้ง ชุมชนชาวเขาเผ่ามูเซอดำที่ปัจจุบันหันมาปลูกสตรอว์เบอร์รี่แทนการปลูกฝิ่นอยูห่างจากสถานีเกษตรหลวงฯ 5 กิโลเมตร เป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นท่างกลางทะเลหมอกที่สวยงามมาก
  • บ้านนอแล อยู่ห่างจากสถานีเกษตรหลวงฯ 7 กิโลเมตร เป็นหมู่บ้านชายแดนไทย-พม่าของชาวปะหล่อง หรือ ชาวดาระอั้ง เป็นแหล่งปลูกกุหลาบแหล่งใหญ่ของอ่างขาง

  • สวนส้ม ฝางเป็นแหล่งปลูกส้มสายน้ำผึ้งสายพันธุ์ดีแหล่งใหญ่ในภาคเหนือ จนเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรยอดฮิต ขนิดเที่ยวไปกินไปแบบบุฟเฟ่ต์ มีอยู่หลายสวน เช่นสวนส้มธนาธร สวนส้มทรายทอง เป็นต้น โดยจะเปิดบริการในช่วงเดือนกรกฎาคม-มีนาคม ของทุกปี
  • ถ้ำเชียงดาว ตั้งอยู่ในวัดเชียงดาว ห่างจาดตัวอำเภอเชียงดาว 5 กิโลเมตร ภายในมีหินงอกหินย้อยรูปร่างแปลกต่ามากมาย

  • พระธาตุดอยอ่างขาง พระธาตุองค์สีขาวขนาดย่อมที่สร้างจากแรงสศรัทราของชาวบ้านดอยอ่างขาง บรรยากาศโดยรอบเต็มไปด้วยเหล่าต้นสนลู่ลมส่งเสียงไพเราะจับใจ

  • บ่อน้ำร้อนฝาง ตั้งอยู่ห่างจากอำเภอฝางประมาณ 8 กิโลเมตร มีน้ำมีความร้อนสูงเกลือบ 100 องศา จนเกิดแรงดันเป็นเป็นน้ำพุพ่วยพุ่งขึ้นมาจากพืื้นดินสูงราว 30-40 เมตร ที่นี่ยังมีบ่ออาบน้ำแร่ไว้ให้นักท่องเที่ยวได้ลงไปแช่ตัว ให้รู้สึกผ่อนคลายสบายใจ

กลับสู่ด้านบน



เส้นทางหลังคาสยาม เชียงใหม่-อินทนนท์-ขุนวาง-แม่แจ่ม


  • วัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหาร ตั้งอยู่ในตัวอำเภอจอมทอง ภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ และเป็นพระธาตุประจำปีเกิดของคนที่เกิดในปีชวด

  • ดอยอินทนนท์ ยอดเขาสูงสุดในประเทศ โดดเด่นด้วยพืชเมืองหนาวจากเขตหิมาลัยอย่างกุหลาบพันปี กุหลาบขาว กล้วยไม้รองเท้านารีอินทนนท์ สัมผัสบรรยากาศของต้นไม้ใหญ่ที่ลำต้นถูกโอบห่อห่มด้วยพืชจำพวกมอส ไลเคน ที่มีเส้นทางศึกษาธรรมชาติที่สวยงามหลายเส้นทาง เช่น เส้นอ่างกาหลวงบนยอดดอย หรือกิ่งแม่ปาน กิดลเมตรที่ 42 ซึ่งจะมีต้นกุหลาบพันปีเบ่งบานชูช่อเต็มต้นในช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ และบนยอดนี้ยังมีน้ำตกที่สวยงามอยู่หลายแหล่ง เช่น น้ำตกแม่กลาง น้ำตกวชิรธาร น้ำตกสิริภูมิ น้ำตกสิริธาร

  • โครงการเกษตรหลวงบ้านขุนกลาง อยู่ใกล้ๆ ที่ทำการอุทยานฯ ดอยอินทนนท์ ตรงกิโลเมตรที่ 31 ปลูกไม้ดอกไม้ประดับ พืชผักฤดูหนาว และมาแรงด้วยการเลี้ยงปลาเรนโบว์เทราต์ พร้อมปรุงอาหารจำหน่ายด้วย

  • พระมหาธาตุนภเมทนีดลและพระมหาธาตุนภพลภูมิสิริ ตั้งอยู่กิโลเมตรที่ 41.5 กองทัพอากาศและพสกนิกรชาวไทย สร้างถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ จุดนี้เป็นจุดชมวิวที่มิงเห็นทะเลหมอกบนดอยอินทนนท์ได้สวยงาม

  • โครงการอนุรักษ์พันธุ์กล้วยไม้รองเท้านารีอินทนนท์ ตั้งอยู่ระหว่างทางไปบ้าานขุนวางโครงการนี้เกิจากพระาชดำริของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ภายในจัดเป็นโรงเรือนเพาะพันธุ์กล้วยไม้ร้องเท้านารีหลายสายพันธุ์ ด้านนอกเป็นสวนหิน และอ่างเก็บน้ำ มีทัศนียภาพที่สวยงาม

  • ศูนย์จิจัยเกษตรหลวงเชียงใหม่ (ขุนวาง) ชมแปลงไม้ผลเมืองหนาวต่างๆ มากมาย ที่โด่ดเด่นไม่แพ้ใครต้องดอกซากุระ หรือนางพญาเสือโคร่งที่บานสะพรั่งราวต้นไม้ทั้งโลกเป็นสีชมพูประมาณช่วงเดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์
  • อำเภอแม่แจ่ม สัมผัสวิถีชีวิตชาวล้านนาดั้งเดิมแท้ๆ ทั้งการแต่งกาย บ้านเรือน วัดวาอาราม แหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ เช่น วัดพุทธเอ้น วัดกองกาน วัดยางหลวง และวัฒนธรรมการหุ่งผ้าตีนจก
  • น้ำพุร้อนเทพพนม ดูน้ำพุร้อนพุ่งสูงนับสิบเมตร อยู่กลางทางจากแม่แจ่มไปฮอด

  • ออบหลวง เป็นช่องภูเขาหินที่เกิดจากแรงกัดเซาะของกระแสน้ำในลำน้ำแม่แจ่ม ชมแหล่งโบราณคดีมนุษย์ก่อนยุดประวัติศาสตร์

กลับสู่ด้านบน



เส้นทางสวน-รีสอร์ตสวย เชียงใหม่-แม่ริม-สะเมิง-หางดง


  • สวนเฉลิมพระเกียรติฯ ราชพฤกษ์ 2549 ชมหอคำหลวง หอประวัติพืชสวนไทยบ้านชาวสวน เรือนพืชทะเลทราย สวนไม้ชุ่มน้ำ อาคารปลูกพืชสวนไร้ดิน โดมไม้เขตร้อนเปิดบริการทุกวัน เว้นวันจันทร์ เวลา 9.00-18.00 น.
  • รีสอร์ตในอำเภอแม่ริม มีรีสอร์ตสวยหรูมากมายให้ได้เลือกกันพัก แต่ละแห่งมีความโ่ดดเด่นเฉพาะตัวและจัดสวนดอกไม้สวยงาม บางแห่งเปิดให้เข้าชมได้แม้ไม่เข้าพักแรม (เสียค่าบริการ)
  • สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ เป็นแหล่งรวมพันธุ์ไม้ทั้งในและต่างประเทศไว้ในอาคารเรือนกระจก และเส้นทางศึกษาธรรมชาติ เส้นทางพันธุ์ไม้ประจำจังหวัดต่างๆ
  • สวนกล้วยไม้ ฟาร์มผีเสื้อ ในเขตอำเภอแม่ริม มีสวนกล้วยไม้และฟาร์มเลี้ยงผีเสื้อของเอกชนเปิดให้บริการหลายแห่ง เช่น สวนบัวแม่สาออร์คิด ใบออร์คิดแอนด์บัตเตอร์ฟลายฟาร์ม เมาท์เทนออร์คิด ฯลฯ
  • น้ำตกแม่สา อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย เป็นน้ำตกที่มีชื่อเสียงของอำเภอแม่ริม แบ่งเป็นชั้นๆขึ้นไปตามเชิงเขาถึง 8 ชั้น สภาพอากาศร่มรื่นเย็นสบายทั้งปี
  • หมู่บ้านดินเผาบ้านเหมืองกุง อำเภอหางดง เป็นหมู่บ้านหัตถกรรมดินเผาที่มีอายุเก่าแก่กว่า 150 ปี และเป็นหมู่บ้าน OTOP ต้นแบบ ระดับประเทศ พ.ศ.2548
  • บ้านถวาย แหล่งรวมหัถกรรมไม้แกะสลักที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในภาคเหนือ ตั้งอยู่ที่อำเภอหางดง และเป็นหมู่บ้าน OTOP ต้นแบบ พ.ศ.2547 อีกด้วย

กลับสู่ด้านบน



เส้นทางสุดฮิต เชียงใหม่-ห้วยน้ำดัง-ปาย-เชียงใหม่


  • น้ำตกหมอกฟ้า ตั้งอยู่ราวกิโลเมตรที่ 20 เป็นน้ำตดชั้นเดียวสูงราว 30 เมตร สวยงามร่มรื่น
  • โป่งเดือดป่าแป๋ (กม.42) ที่นี่มีเส้นทาางเดินป่าศึกษาธรรมชาติ และบริการอาบน้ำแร่ ท่ามกลางบรรยากาศที่ร่มรื่นสวยงาม
  • อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง ตั้งอยู่ระหว่างกิโลเมตรที่ 65-66 จุดชมวิวและทะเลหมอกคลาสสิกตลอดกาล โดยมีฉากหลังเป็นยอดดอยหลวงเชียงดาว

  • โป่งน้ำร้อนท่าปาย เป็นบ่อน้ำพุร้อนไหลมาจากใต้ดิน จากที่จอดรถต้องเดินเท้าต่อไปอีกราว 300 เมตร บางช่วงเป็นแอ่งน้ำสามารถลงแช่น้ำได้
  • สะพานประวัติศาสตร์ปาย (กม.88) สร้างขึ้นในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นที่นิยมในการมาถ่ายรูป เพื่อเป็นที่ระลึกในการมาเยือนปาย

  • วัดพระธาตุแม่เย็น ตั้งอยู่บนเขาทางทิศตะวันออกหลังหมู่บ้านแม่เย็น มองจากบนวัดลงมาจะเห็นเมืองปายทั้งเมือง สวยงามมาก ยิ่งถ้าได้ขึ้นไปตอนเย็นจะได้ชมพระอาทิตย์ตกโดยมีเทือกดอกจิกจ้องเป็นฉากหลังที่งดงาม
  • หมู่บ้านสันติชล หมู่บ้านจีนฮ่ออยู่ห่างจากอำเภอปายประมาณ 4.5 กิโลเมตร สัมผัสบรรยากาศของบ้านดิน ทิวเขา หมอกเฆม ไร่ข้าวโพด และชิงช้าสวรรค์ของชาวดอย มีอาหารจีนยุนานให้ลิ้มลอง

  • ถนนคนเดินปาย มีผลิตภัณฑ์ชาวเขาและงานทำมือจำหน่ายราคาไม่แพง นักท่องเที่ยวมาปายแล้วไม่ควรพลาด

  • กองแลนหรือปายแคนยอนกองแลน อยู่ติดกับเส้นทางสายแม่มาลัย-ปาย ห่างจากอำเภอ 7 กิโลเมตร เป็นหน้าผาสูงที่ถูกกัดเซาะ คล้ายแพะเมืองผี
  • ล่องแก่งแม่น้ำปาย ล่องแก่งได้ระหว่างเดือนตุลาคม-กุมภาพันธ์ ซึ่งจะผ่ายจุดท่องเที่ยวหลายแห่ง เช่น น้ำตกซู่ซ่า บ่อน้ำพุร้อนริมน้ำปาย ฯลฯ สามารถเลือกล่ิองแบบระยะยาวหรือสั้นได้ตามเวลาที่มี

กลับสู่ด้านบน



เส้นทางแห่งขุนเขา เชียงใหม่-ปาย-แม่ฮ่องสอน-แม่เสรียง


  • โป่งเดือดป่าแป๋ (กม.42) เป็นน้ำพุร้อนแบ Geyser ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มีบ่อให้แช่น้ำร้อนกลางธรรมชาติ
  • ปาย เมืองท่องเที่ยวสุดฮิตแห่งยุคมีที่เที่ยวมากมาย เช่น พระธาตุแม่เย็น วัดน้ำฮู หมู่บ้านจีนยูนานสันติชล กองแลน (ปายแคนยอน) สพานประวัติศาสตร์ปาย ฯลฯ

  • ถ้ำน้ำลอด ตั้งอยู่ในเขตอำเภอปางมะผ้า แหล่งท่องเที่ยว Unseen เที่ยวโถงถ้ำธรรมชาติและแหล่งโบราณคดี 2,000 ปี
  • แม่ฮ่องสอน จังหวัดชายแดนเล็กๆ ที่น่ารัก มีมี่เที่ยวมากมาย เช่น พระธาตุดอยกองมู วัดศิลปะพม่าหลายแห่ง ปางอุ๋ง ที่โด่งดังและโดดเด่นด้วยสายหมอกละเลียดทะเลสาบกลางทิวสน พระตำหนักปางตอง หมู่บ้านรักไทยที่มีบ้านดิน ให้เที่ยวชม ชา รสเลิศ และวิถีชีวิตจีนยูนาน ภูโคลน แหล่งโคลนธรรมชาติที่อุดมด้วยแร่ธาตุ ฯลฯ

  • ทุ่งดอกบัวตองดอยแม่อูคอ ดอกบัวตองจะบานเหลืองอร่ามทั้งดอยกว้างสุดตาในช่วงเดือนพฤศจิกายน-ต้นธันวาคม ของทุกปี
  • ถ้ำแก้วโกมล อำเภอแม่ลาน้อย หนึ่งใน Unseen Thailand ชมถ้ำผลึกแก้วแคลไซต์สีขาวเปล่งปประกายแสงอยู่รายรอบโถงถ้ำอย่างงดงาม

  • แม่เสรียง ไปไหว้พระธาตุ 4 จอม คือพระธาตุจอมแจ้ง พระธาตุจอมทอง พระธาตุจอมกิตติ และพระธาตุจอมมอญ

กลับสู่ด้านบน

01 กันยายน, 2552

เที่ยวที่กระบี่





อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี

เป็นพื้นที่ส่วนหนึ่งของจังหวัดกระบี่ ครอบคลุมพื้นที่ หาดนพรัตน์ธารา สุสานหอย 75 ล้านปี หมู่เกาะปอดะ เกาะหินแดง และหมู่เกาะพีพี รวมมีเนื้อที่ประมาณ 389.96 กิโลเมตร (243,725 ไร่) เป็นพื้นน้ำประมาณ 203,725 ไร่ (ร้อยละ 83 ของพื้นที่ทั้งหมด) อยู่ในท้องที่ตำบลหนองทะเล ตำบลอ่าวนาง ตำบลไสไทย และตำบลปากน้ำ อำเภอเมืองกระบี่

จังหวัดกระบี่ ได้รับการประกาศจัดตั้งเป็นอุทยานแห่งชาติในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 100 ตอนที่ 160 ลงวันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2526 บริเวณหมู่เกาะพีพี ส่วนใหญ่เป็นเกาะที่เป็นภูเขาหินและหน้าผาสูงชัน มีต้นไม้ปกคลุมขึ้นตามซอกหิน

ไม้ที่ขึ้นเป็นไม้ขนาดเล็กและแคระแกร็น ใต้ท้องทะเลบริเวณหน้าผาจะมีปะการังที่สวยงาม

พรรณไม้ในเขตอุทยานแห่งชาติ
มี 3 ประเภท คือ

(1) ป่าดงดิบชื้น ปรากฎพบบริเวณที่เป็นภูเขาสูงชัน บริเวณเขาหางนาค บริเวณเขาอ่าวนาง บริเวณทิศตะวันตก ของเกาะพีพีดอน และบริเวณเกาะพีพีส่วนใหญ่

(2) ป่าชายเลน มี อยู่ในบริเวณคลองแห้ง ใกล้ที่ทำการอุทยานแห่งชาติทางด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเขาหางนาค และบริเวณคลองย่านสะบ้า ด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือของบริเวณสุลานหอย 75 ล้านปี

(3) ป่าพรุ เป็นสังคมพืชเด่นที่พบต้นเสม็ดขึ้น อยู่อย่างหนาแน่นสมบูรณ์ ปรากฏอยู่เฉพาะบริเวณหาดนพรัตน์ธารา เป็นบริเวณแคบๆ ประมาณ 0.32 ตารางกิโลเมตร ตามสภาพภูมิอากาศและสังคมพืชที่เกิดขึ้นในอุทยานแห่งชาติ ทำให้เป็นถิ่นที่อยู่อาศัยที่เหมาะสมแก่สัตว์บางประเภท ได้แก่ นกโจรสลัด เหยี่ยวแดง นกออก นกนางแอ่นกินรัง หมูป่า ลิง และค่าง ฯลฯ

แหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ



อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี มีสิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติ เป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางไม่เฉพาะแต่ในประเทศไทยเท่านั้น คือ หลักฐานทางธรณีที่เป็นซากดึกดำบรรพ์ของหอยน้ำจืดชนิดต่างๆ ส่วนใหญ่เป็นหอยขม มีขนาดยาวประมาณ 2 เซนติเมตร ซากหอยเหล่านี้ได้ทับถมกัน โดยมีน้ำประสานธาตุปูนจับตัวให้กลายเป็นหินแข็งทับอยู่บนชั้นหินลิกไนท์ และหินดินดาน ประมาณว่าเกิดขึ้น เมื่อ 75 ล้านปีมาแล้ว จึงเรียกว่า สุสานหอย 75 ล้านปี

อยู่บริเวณชายทะเลบ้านแหลมโพธิ์ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของพื้นที่อุทยาน แห่งชาติ ซากดึกดำบรรพ์ของหอยโบราณในลักษณะนี้สำรวจพบอีก 2 แห่งเท่านั้น คือ ที่รัฐชิคาโก สหรัฐอเมริกา และที่ประเทศญี่ปุ่น แหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจของอุทยานแห่งชาติแห่งอื่นได้แก่


หาดนพรัตน์ธารา เดิมชาวบ้านเรียกว่า หาดคลองแห้ง ทั้งนี้เพราะเมื่อน้ำลง น้ำคลองที่ไหลมาจากภูเขาทางด้านเหนือ

จะแห้งขอดกลายเป็นหาดทรายยาวเหยียดทอดลงไปในทะเลบรรจบกับเกาะเขาปากคลอง

อ่าวนาง 1
มี ทิวทัศน์โดยรอบสวยงามแปลกตากว่าหาดอื่นๆ เพราะด้านหนึ่งของหาดทรายเป็นภูเขาและมีถ้ำหินงอกหินย้อย คือ ถ้ำพระนาง และสถานที่น่าสนใจในบริเวณเดียวกันนี้
ได้แก่ สระพระนาง หาดไร่เล เป็นต้น

นอก จากความสวยงามตามธรรมชาติแล้ว บริเวณอ่าวนาง ยังเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยว ทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ ผู้มีกีฬาปีนเขาอยู่ในหัวใจนิยมมาปีนหน้าผาบริเวณ "หาดไร่เล" ซึ่งนิตยสาร Outside Travel Guide ฉบับ Y2K Annual ประจำงวด 1999/2000 ของสหรัฐอเมริกานำภาพเกมปีนหน้าผา ขึ้นปก พร้อมกับแนะนำว่าเป็นสถานที่อีกแห่งหนึ่งซึ่งนักท่องเที่ยวผู้นิยมกีฬาปีนเขาควรให้ความสนใจ

หมู่เกาะปอดะ
อยู่ ทางทิศใต้ของอ่าวพระนาง เมื่อมองจากฝั่งจะเห็นหาดทรายขาวแต่ไกล บริเวณชายฝั่ง จะมีแนวปะการังหลากชนิด ประกอบกับความใสสะอาดของน้ำทะเล
จึงเป็นแหล่งดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เที่ยวชมได้เกือบตลอดปี อยู่ห่างจาก ชายฝั่งประมาณ 8 กิโลเมตร จึงได้รับอิทธิพลจากลมมรสุมไม่มากนัก ทั้งเป็นแหล่งตกปลาที่น่าสนใจอีกด้วย



หมู่เกาะพีพี
จาก คำบอกเล่า เดิมชาวทะเลเรียกหมู่เกาะนี้ว่า ปูเลาปิอาปี คำว่า ปูเลา แปลว่า เกาะ คำว่า ปิอาปี แปลว่า ต้นไม้ทะเลชนิดหนึ่งจำพวกแสม ต่อมาเรียกว่า ต้นปีปี ภายหลังกลายเสียงเป็น พีพี หมู่เกาะพีพีประกอบด้วยเกาะ 6 เกาะ คือ เกาะพีพีดอน เกาะพีพีเล เกาะปิด๊ะนอก เกาะปิด๊ะใน เกาะยูง เกาะไม้ไผ่ อยู่ห่างจากชายฝั่งกระบี่ประมาณ 42 กิโลเมตร ลักษณะโดยทั่วไปเป็นเวิ้งอ่าวรูปครึ่งวงกลม อยู่ในวงล้อมของภูเขาหินปูนที่สูงชันจนเกือบเป็นทะเลใน หรือที่ชาวเกาะเรียกว่า ปิเละ จุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจของหมู่เกาะพีพีมีดังนี้

เกาะไม้ไผ่ ตั้ง อยู่ทางตอนเหนือของเกาะพีพีดอนไม่ไกลจากเกาะยูงเท่าใดนัก ด้านทิศเหนือและ ทิศตะวันออก มีหาดทรายสวยงามและแนวปะการัง ซึ่งส่วนมากเป็นแนวปะการังเขากวางทอดยาวไปถึงทางทิศใต้ของตัวเกาะ

เกาะยูง ตั้ง อยู่ทางตอนเหนือของเกาะพีพีดอน มีชายหาดซึ่งเป็นหาดหินอยู่ทางด้านทิศตะวันออก และมีหาดทรายเล็กน้อยตามหลืบเขา นอกจากนี้ยังมีแนวปะการังสวยงามชนิดต่างๆ ที่ยังคงอยู่ในสภาพสมบูรณ์



เกาะพีพีเล มี พื้นที่เพียง 6.6 ตารางกิโลเมตร เป็นเกาะเขาหินปูน มีหน้าผาสูงชันตั้งฉากกับพื้นผิวทะเล โดยรอบเกือบทั้งเกาะ มีพื้นน้ำลึกเฉลี่ยประมาณ 20 เมตร เกาะแห่งนี้มีเวิ้งอ่าวสวยงาม อาทิ อ่าวปิเละ อ่าวมาหยา อ่าวโละซะมะ นอกจากนี้ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือยังมี ถ้ำไวกิ้ง ซึ่งเมื่อปี พ.ศ. 2515 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เสด็จประพาสถ้ำแห่งนี้ และทรงพระราชทานนามใหม่ว่า ถ้ำพญานาค ตามรูปร่างหินก้อนหนึ่งที่คล้ายเศียรพญานาค อันเป็นที่เคารพสักการะของชาวบ้านที่เก็บรังนกนางแอ่นบนเกาะแห่งนี้ ภายในถ้ำทางทิศตะวันออกและทิศใต้พบภาพเขียนสีสมัยประวัติศาสตร์ เป็นรูปช้าง และรูปเรือชนิดต่างๆ

เกาะพีพีดอน มี เนื้อที่ประมาณ 28 ตารางกิโลเมตร ทางเหนือของเกาะคือ แหลมตง เป็นที่ตั้งของ หมู่บ้านชาวเล ประมาณ 15-20 ครอบครัว ส่วนใหญ่อพยพมาจากเกาะลิเป๊ะ จังหวัดสตูล บริเวณแหลมตงนี้ธรรมชาติใต้ทะเลสวยงามมาก เหมาะแก่การดำน้ำเช่นเดียวกันกับที่บริเวณปลายแหลมหัวระเกด หาดยาว และหินแพ นอกจากนี้ยังมีเวิ้งอ่าวคู่ที่มีความสวยงาม ติดอันดับโลกของอ่าวต้นไทร และอ่าวโละดาลัม ซึ่งเป็นที่ตั้งของสถานที่พักจำนวนมาก บริการแก่นักท่องเที่ยวทั่วไป

ข้อมูลทั่วไป
กิจกรรมการท่องเที่ยว ในเขตอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี มีหลายประเภททั้งสามารถนั่งเรือชมทิวทัศน์ที่เต็มไปด้วย เกาะน้อยใหญ่ และศึกษาสภาพธรรมชาติของป่าชายเลน ว่ายน้ำ ดำดูปะการังทั้งบนผิวน้ำและดำน้ำลึก นั่งเล่นพักผ่อนตามชายหาด ตลอดจนเดินป่าดูพรรณไม้และนกชนิดต่างๆ ดังนั้นการศึกษาถึงสภาพธรรมชาติและสภาพแวดล้อมของอุทยานแห่งชาติ ก่อนที่จะเดินทางจึงเป็นความจำเป็นอย่างยิ่ง ด้วยในช่วงเดือนเมษายนถึงตุลาคม จะได้รับอิทธิพลจากลมมรสุมทำให้มีฝนตกชุก ช่วงที่เดินทางปลอดภัยอยู่ระหว่างเดือนมกราคมถึงเมษายน การเดินทางสู่อุทยานแห่งชาติจึงจำเป็นต้องมีการเตรียมตัวล่วงหน้าแต่เนิ่นๆ การท่องเที่ยวไปในอุทยานแห่งชาติ ส่วนใหญ่ใช้เรือเป็นพาหนะ การเตรียมตัวนอกเหนือไปจากเสื้อผ้านุ่งห่มที่คล่องตัวแล้ว จะต้องมีการเตรียมยาที่จำเป็น เช่น ยาแก้แพ้กันอาการเมาคลื่น นอกจากนี้แดดในท้องทะเลนั้นร้อนจัด สิ่งที่จะต้องจัดหาอีกอย่างคือ ครีมทาผิวกันผิวไหม้ สำหรับผู้ที่ว่ายน้ำไม่เป็นหรือไม่เก่งนักควรจัดหาชูชีพติดตัวไปด้วย เสื้อชูชีพนี้จะช่วยให้มีโอกาสดำผิวน้ำ ดูโลกใต้ทะเลอันสวยงามได้อีกด้วย

ในการประกอบกิจกรรมนันทนาการในเขตอุทยานแห่งชาติเหล่านี้ให้กระทำได้ เฉพาะในเขตหรือบริเวณที่เจ้าหน้าที่กำหนดไว้เท่านั้น ไม่ควรกระทำ หรือส่งเสียงอื้อฉาวรบกวนคนหรือสัตว์ ไม่เดินออกนอกเส้นทางที่เจ้าหน้าที่จัดทำไว้ และปฏิบัติตนตามที่เจ้าหน้าที่กำหนด หรือตามที่เจ้าหน้าที่ได้ ทำเครื่องหมายไว้ สำหรับผู้ที่ไปกางเต็นท์พักแรมจะต้อง เตรียมเครื่องนอนและอุปกรณ์ในการพักแรมไปเอง และต้องเก็บและทำความสะอาด ที่พักให้เรียบร้อยเมื่อเลิกใช้แล้ว การก่อไฟ จะต้องไม่เก็บหรือตัดกิ่งไม้ยืนต้นมาใช้และต้องระมัดระวังมิให้ไฟลุกลามไป ยังที่อื่น ต้องดับไฟให้ สนิททุกครั้งที่เลิกใช้ และสำหรับผู้ที่พิศมัยในการดำน้ำดูปะการังจะต้องเตรียมอุปกรณ์ไปเอง

การเดินทาง
การ เดินทางสู่อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี ต้องอาศัยเส้นทางทั้งทางบกและทางน้ำ โดยถ้าต้องการเดินทาง สู่บริเวณสุสานหอย อ่าวพระนาง และหาดนพรัตน์ธารา สามารถไปได้โดยทางรถยนต์สายตัวเมืองกระบี่-อ่าวนาง ซึ่งออกจากอำเภอเมือง ไปเพียง 18 กิโลเมตร ก็จะถึงหาดนพรัตน์ธารา แล้วใช้ถนนเลียบชายหาดที่เชื่อมระหว่างหาดนพรัตน์ธาราและหาดบ้านอ่าวนางไป ทางทิศใต้ ระยะทางประมาณ 6 กิโลเมตร สำหรับการไปชมอ่าวพระนางต้องนั่งเรือไปโดยใช้เวลาประมาณ 20 นาที และจากหาดนพรัตน์ธารา มีทางแยกไปสุสานหอย ระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร สำหรับการเดินทางไปหมู่เกาะพีพีหรือในส่วนที่เป็นเกาะนั้น ต้องใช้เรือยนต์ ซึ่งจะติดต่อเช่าได้ที่ท่าเรือเจ้าฟ้า จังหวัดกระบี่ หรือที่หาดนพรัตน์ธารา หรือสามารถเดินทางจากจังหวัดภูเก็ตด้วยการโดยสารเรือ ระยะทางประมาณ 40 กิโลเมตร เช่นกัน และบริเวณเกาะพีพีดอนจะมีบริการอาหาร ที่พัก และกิจกรรมนันทนาการของเอกชนเท่านั้น ส่วนบริเวณหาดนพรัตน์ธาราซึ่งอยู่บนฝั่ง อุทยานฯ ได้จัดที่พักไว้สำหรับบริการนักท่องเที่ยว หรือหากท่านประสงค์จะนำเต็นท์มากางเอง ก็จะเสียค่าธรรมเนียมเพียงเล็กน้อย

หาก ต้องการรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อสอบถามได้ที่อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา -หมู่เกาะพีพี หมู่ที่ 5 ตำบลอ่าวนาง อำเภอเมือง จังหวัดกระบี่ 81000 หรือส่วนอุทยานแห่งชาติทางทะเล สำนักอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ กรมป่าไม้ จตุจักร กรุงเทพฯ 10900 โทร. (02) 5612918-21



อุทยานแห่งชาติเขาพนมเบญจา

เป็นอุทยานฯ ทางบกแห่งเดียวของจังหวัดกระบี่ มีเนื้อที่ 31,325 ไร่ ครอบคลุมพื้นที่อำเภอเมือง อำเภออ่าวลึก และอำเภอเขาพนม มีสภาพป่าอุดมสมบูรณ์ ประกอบด้วยเทือกเขาสูงสลับซับซ้อนในแนวเหนือจรดใต้ มียอดเขาพนมเบญจาซึ่งสูง 1,397 เมตร จากระดับน้ำทะเลสูงที่สุดในกระบี่ มีทิวทัศน์ธรรมชาติสวยงามทั้งลำธาร น้ำตก ถ้ำ และมีสัตว์ป่านานาชนิด เช่น สมเสร็จ เลียงผา หมีควาย เสือปลา มีนกที่สามารถพบเห็นกว่า 218 ชนิด เช่น นกอินทรี นกเงือก นกหัวขวาน เป็นต้น


สถานที่ท่องเที่ยวภายในอุทยาน ฯ ได้แก่



น้ำตกห้วยโต้ ต้นกำเนิดจากเขาพนมเบญจา มี 5 ชั้น คือ วังสามหาบ วังจงลอย วังดอยปรง วังเทวดา และวังโตนพริ้ว สายน้ำของน้ำตกห้วยโต้ไหลมารวมกันที่คลองกระบี่ใหญ่ อำเภอเมือง จังหวัดกระบี่
น้ำตกห้วยสะเด อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ ประมาณ 300 เมตร เป็นน้ำตกจากหน้าผาสูง มี 3 ชั้น มีแอ่งน้ำใสสะอาด น้ำตกสายนี้ไหลมารวมกันที่คลองโตนและไหลลงสู่คลองกระบี่ใหญ่

การเดินขึ้นยอดเขาพนมเบญจา เป็นอีกกิจกรรมของอุทยานฯ ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถจะเดินขึ้นได้ 2 เส้นทาง คือ
เส้นทางแรก ใช้เวลาในการเดินทาง 4 วัน 3 คืน โดยการเริ่มต้นจากน้ำตกห้วยโต้ ซึ่งอยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ 300 เมตร นักท่องเที่ยวจะต้องปีนข้ามน้ำตกทั้ง 5 ชั้น ขึ้นไปชั้นบนสุดแล้วเดินต่อไปยังลำธาร เลี้ยวซ้ายทางต้นยางใหญ่พักค้างคืนที่เขาลูกช้าง 1 คืน รุ่งขึ้นจึงเดินต่อไปค้างคืนที่ควนน้ำค้างอีก 1 คืน จากนั้นเดินต่อไปจนถึงเชิงเขาพนม รุ่งเช้าอีกวันหนึ่งจึงเริ่มขึ้นยอดเขา พักค้างบนยอดเขาอีก 1 คืน
เส้นทางที่สอง เดินทางโดยรถยนต์ไปที่ฐานปฏิบัติการบางสร้าน ระยะทางประมาณ 60 กิโลเมตร เส้นทางนี้ใช้เวลาในการพักค้าง และเดินทาง 3 วัน 2 คืน โดยเดินจากฐานปฎิบัติการบางสร้านไปสู่ยอดเขาพนมเบญจา เป็นเวลา 1 วัน และพักค้างบนยอดเขาพนมเบญจา 1 คืน จากนั้นเดินลงจากยอดเขามาพักค้างคืนที่ควนน้ำค้างอีก 1 คืน และในวันรุ่งขึ้นเดินจากควนน้ำค้างลงมาที่ทำการอุทยานฯ
ทั้งสองเส้นทางนักท่องเที่ยวจะได้พบกับธรรมชาติที่สวยงามของพันธุ์ไม้ สัตว์ป่า ถ้ำ เพิงผา น้ำตก ธารน้ำ ทะเลหมอก จุดชมวิวที่สามารถมองเห็นตัวเมืองกระบี่ และอากาศที่เย็นสบายตลอดปี นักท่องเที่ยวที่สนใจควรสอบถามข้อมูลก่อนการเดินทาง

อุทยานฯ มีเต็นท์ให้บริการ สำหรับ 2-3 คน ราคาหลังละ 50 บาท/คืน/หลัง หรือจะนำเต็นท์มา เอง เสียค่าธรรมเนียม 30 บาท/คืน/หลัง รายละเอียดติดต่ออุทยานแห่งชาติเขาพนมเบญจา ตู้ ป.ณ.26 อำเภอเมือง จังหวัดกระบี่ 81000 โทร. 0 7662 9013 หรือ กองอุทยานแห่งชาติ กรมป่าไม้ โทร. 0 2579 7223, 0 2579 5734

การเดินทาง จากอำเภอเมืองกระบี่ ไปยังสามแยกบ้านตลาดเก่าตามถนนเพชรเกษม 1 กิโลเมตร แล้วเลี้ยวซ้ายตามเส้นทางตลาดเก่า-บ้านห้วยโต้ ระยะทาง 20 กิโลเมตร จะถึงที่ทำการอุทยานฯ



อุทยานแห่งชาติธารโบกขรณี

มีพื้นที่ 121 ตารางกิโลเมตร ประกอบด้วยภูเขาหินปูน ป่าดิบ ป่าชายเลน และเกาะต่าง ๆ อุทยานฯ มีพันธุ์ไม้ที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นป่าดงดิบ ป่าพรุ ป่าชายหาด ป่าชายเลน รวมถึงสังคมพืชน้ำใต้ท้องทะเล ซึ่งผู้ที่สนใจสามารถเข้ามาศึกษาหาความรู้ได้ มีเส้นทางศึกษาธรรมชาติ 2 เส้นทาง คือ เส้นทางที่เดินภายในอุทยานฯ ระยะทาง 1 กิโลเมตร และ เส้นทางเดินจากอุทยานฯ ไปป่าชายเลน ระยะทาง 3-4 กิโลเมตร

ผู้สนใจเข้าชมอุทยานฯ จะเสียค่าเข้าอุทยานฯ ผู้ใหญ่ ชาวไทย 20 บาท ชาวต่างประเทศ 200 บาท เด็ก ชาวไทย 5 บาท ชาวต่างประเทศ 100 บาท อุทยานฯ ไม่มีบ้านพักให้บริการ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 0 7568 1071



สถานที่น่าสนใจในอุทยานฯ ได้แก่
ธารโบกขรณี อยู่บริเวณที่ทำการอุทยานฯ เดิมชื่อ ธารอโศก เพราะมีต้นอโศกขึ้นอยู่ริมธาร สภาพทั่วไปเป็นธารน้ำธรรมชาติไหลลงมายังแอ่งน้ำน้อยใหญ่ซึ่งอยู่ต่างระดับกัน รายรอบด้วยป่าไม้ร่มรื่น ด้านเหนือของธารโบกขรณี มีมณฑปพระพุทธบาทจำลองที่แกะสลักจากไม้ ประดิษฐานอยู่ใกล้กับศาลาบูชาเจ้าพ่อโต๊ะยวน-โต๊ะช่อง

ถ้ำลอดและ ถ้ำผีหัวโต อยู่ห่างจากอุทยานฯ ประมาณ 6 กิโลเมตร เดินทางไปทางอำเภออ่าวลึกตามถนนอ่าวลึก-แหลมสัก ประมาณ 2 กิโลเมตร แยกขวาไปยังท่าเรือบ่อท่อ แล้วลงเรือหางยาวรับจ้างไปตามลำคลองท่าปรัง ผ่านป่าชายเลนไปประมาณ 15 นาที ถ้ำลอด เป็นอุโมงค์ใต้เขาหินปูน บนเพดานถ้ำมีหินงอกและหินย้อยรูปร่างต่าง ๆ กัน ส่วน ถ้ำผีหัวโตหรือถ้ำหัวกะโหลก อยู่ห่างจากถ้ำลอดประมาณ 500 เมตร แต่เดิมภายในถ้ำเคยมีหัวกะโหลกมนุษย์ มีขนาดโตกว่าปกติจึงมีชื่อว่า “ถ้ำผีหัวโต” และบนผนังถ้ำยังปรากฎภาพเขียนสีก่อนสมัยประวัติศาสตร์จำนวนมาก อาทิ รูปคน รูปสัตว์ บนพื้นถ้ำมีเปลือกหอยทับถมกันอยู่เป็นจำนวนมาก นอกจากนั้นบริเวณนี้ยังสามารถพายเรือแคนูชมทิวทัศน์ป่าชายเลนที่สงบร่มรื่นได้ ค่าเช่าเรือแคนู 1,200 บาท/คน รวมอาหารกลางวัน โดยสามารถเช่าเรือได้จากบริเวณท่าเรือบ่อท่อ

ถ้ำชาวเล อยู่ทางด้านทิศตะวันตกของแหลมสัก ในเวิ้งอ่าวที่แวดล้อมด้วยธรรมชาติอันสวยงามของเกาะแก่งและภูผา ภายในถ้ำมีหินงอกหินย้อยและภาพเขียนสมัยก่อนประวัติศาสตร์เป็นรูปคน รูปสัตว์ และรูปทรงเรขาคณิตต่าง ๆ หลายภาพด้วยกัน สันนิษฐานว่าจะมีอายุอยู่ในช่วงหลังภาพเขียนที่ถ้ำผีหัวโต บริเวณถ้ำชาวเลสามารถพายเรือแคนูได้ สำหรับการไปเที่ยวชมสามารถโดยสารเรือประจำทางหรือเรือเช่าจากท่าเรือบ้านแหลมสัก ใช้เวลาเดินทางประมาณ 10-15 นาที

เกาะกาโรส อยู่ทางด้านตะวันออกของปลายแหลมสัก เป็นบริเวณที่สามารถพายเรือแคนูได้

เกาะแดง มีหาดทรายสวยงามยาว 25 เมตร มีถ้ำลอดกว้าง 70 เมตร สูง 20 เมตร เป็นบริเวณที่ดำน้ำดูปะการังได้



หมู่เกาะห้อง เป็นหมู่เกาะที่ประกอบด้วยเกาะน้อยใหญ่หลายเกาะ อาทิ เกาะเหลาหรือเกาะซากา เกาะเหลาเหรียม เกาะปากกะ เกาะเหลาลาดิง เป็นต้น โดยมีเกาะห้องหรือเกาะเหลาปิเละ เป็นเกาะทางตอนใต้ที่ใหญ่ที่สุด ลักษณะโดยทั่วไปเป็นเขาหินปูน น้ำทะเลใส หาดทรายขาว มีแนวปะการังทั้งน้ำตื้นและน้ำลึกเหมาะแก่การดำน้ำ ตกปลา บนเกาะห้อง มีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ ระยะทาง 400 เมตร รอบ ๆ เกาะห้องสามารถพายเรือแคนูได้ บนเกาะมีที่สำหรับกางเต็นท์ ค่าธรรมเนียมกางเต็นท์พักแรมบนเกาะคนละ 20 บาท โดยต้องนำเต็นท์มาเอง นักท่องเที่ยวที่จะขึ้นเกาะห้องจะต้องเสียค่าเข้าชมอุทยานฯ ผู้ใหญ่ คนไทย 20 บาท ชาวต่างประเทศ 200 บาท เด็ก คนไทย 10 บาท ชาวต่างประเทศ 100 บาท การไปเที่ยวชมสามารถเช่าเรือหางยาวจากอ่าวนาง ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง

การเดินทาง อุทยานฯ อยู่ห่างจากตัวเมืองกระบี่ 46 กิโลเมตร ตั้งอยู่ที่ธารโบกขรณี ตำบลอ่าวลึกใต้ ห่างจากสี่แยกตลาดอ่าวลึก มาตามถนนอ่าวลึก-แหลมสัก ประมาณ 1 กิโลเมตร หรือจากอำเภอเมือง สามารถนั่งรถสองแถวกระบี่-อ่าวลึกเหนือ-ใต้ ลงที่หน้าอุทยานฯ ได้



น้ำตกร้อนคลองท่อม ตั้งอยู่บริเวณบ้านบางคราม-บ้านบางเตียว อยู่ห่างจากอำเภอเมืองกระบี่ตามถนนเพชรเกษม (กระบี่-ตรัง) ประมาณ 45 กิโลเมตร จากนั้นแยกเข้าถนนสุขาภิบาล 2 ตรงที่ว่าการอำเภอคลองท่อม 12 กิโลเมตรครับ บริเวณโดยรอบ นอกจากจะมีน้ำตกร้อนแล้ว ยังมีบ่อน้ำร้อน ลานน้ำร้อน และเขานอจู้จี้ ซึ่งมีทัศนียภาพสวยงามมากครับ มียอดเขาสูงประมาณ 520 เมตร และเป็นต้นกำเนิดของน้ำที่เรียกว่า "คลองท่อม" ด้วยครับ

ททท. จัดทำหนังสือคู่มือท่องเที่ยว 12 เดือน 7 ดาว 9 ตะวัน

ททท. จัดทำหนังสือคู่มือท่องเที่ยว 12 เดือน 7 ดาว 9 ตะวัน


การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จัดทำหนังสือ 12 เดือน 7 ดาว 9 ตะวัน มหัศจรรย์เมืองไทยต้องไปสัมผัส คูมือเดินทางท่องเที่ยวที่จะพาไปสัมผัสกับความมหัศจรรย์ของแหล่งท่องเที่ยวทั่วเมืองไทย ซึ่งถูกคัดสรรมาแล้วว่า น่าดูที่สุด สวยที่สุด ในแต่ละเดือน รวมทั้งความมหัศจรรย์ของธรรมชาติทั้งตอนกลางวันและยามค่ำคืน

หนังสือ 12 เดือน 7 ดาว 9 ตะวัน มหัศจรรย์เมืองไทยต้องไปสัมผัส ได้นำมาแจกในงานเทศกาลเที่ยวเมืองไทย 2552 ท่านใดที่พลาดโอกาส สามารถดาวน์โหลดได้ที่นี่


คลิกเพื่อดาวน์โหลดหนังสือ 12 เดือน 7 ดาว 9 ตะวันในรูปแบบไฟล์ pdf (ขนาด 48.2 Mb)